IMF เตือนเศรษฐกิจโลกอาจจะเลวร้ายลงในปีหน้า

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าอาจจะเลวร้ายลงอย่างมีนัยสำคัญ จากแรงกดดันเรื่องปฏิบัติการทางทหารระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ราคาอาหารและพลังงานที่เพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งจะผลักให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยและกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดการเงิน

IMF เผยแพร่รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับเดือนตุลาคม ในการประชุมประจำปีร่วมกับธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า ราว 1 ใน 3 ของเขตเศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า พร้อมกับเตือนให้ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงต่อไป แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดและการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็น 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดการเงินผันผวนในช่วงที่ผ่านมา

“ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส์” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ระบุด้วยว่า เขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก 3 แห่ง ทั้งสหรัฐฯ จีน และยูโรโซน หรือเขตเศรษฐกิจที่ใช้เงินสกุลยูโร จะหยุดชะงักต่อไป และในระยะสั้น ภาวะเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่ผู้คนจำนวนมากจะรู้สึกว่าเผชิญภาวะถดถอยในปีหน้า

รายงานล่าสุดของ IMF คาดการณ์ว่า การขยายตัวของ GDP โลกในปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม ส่วนในปี 2566 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 ลดลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ร้อยละ 2.9 และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2544 ยกเว้นในช่วงวิกฤตการเงินโลกและการระบาดของโควิด-19 

สำหรับอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลกในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 8.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.3 ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และในปีหน้าจะอยู่ที่ร้อยละ 6.5 จากเดิมร้อยละ 5.7

ภาพจาก AFP