เงินบาทเช้านี้ 30 เม.ย. เปิดตลาด “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.45 บาท

เงินบาทเช้านี้ 30 เม.ย. เปิดตลาด “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.45 บาท

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.45 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.39 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.65 บาท/ดอลลาร์

สรุปข่าว

เงินบาทเปิดเช้าวันนี้อ่อนค่าลงเล็กน้อย เคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-33.65 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางการรอลุ้นผลประชุม กนง. และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ-จีน ตลาดการเงินโลกยังผันผวนจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.45 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.39 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.65 บาท/ดอลลาร์

นับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) อ่อนค่าลงเล็กน้อยในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 33.36-33.48 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะทยอยอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการรีบาวด์ขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางความหวังว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้าจะมีความคืบหน้ามากขึ้น

ส่งผลให้บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ทยอยกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง อย่างไรก็ดี การรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนเมษายน ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 86 จุด แย่กว่าที่ตลาดคาดพอสมควร ส่วนยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) เดือนมีนาคม ก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับราว 7.2 ล้านตำแหน่ง แย่กว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ เงินบาทอาจถูกกดดันเพิ่มเติมหลัง Moody’s ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตไทย เป็น Negative จาก Stable โดยยังคงอันดับความน่าเชื่อถือไว้ที่ระดับ Baa1  

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แม้จะเผชิญแรงกดดันบ้าง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ท่ามกลางความหวังว่าการเจรจาการค้าอาจมีความคืบหน้ามากขึ้น ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 99.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.0-99.4 จุด)

ในฝั่งไทย ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยเราประเมินว่า แรงกดดันต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยรอบด้าน อาจทำให้ กนง. ตัดสินใจเดินหน้าลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 1.75% ได้ สอดคล้องกับการปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของไทยลงจากการประเมินครั้งก่อน

และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ อย่าง Microsoft และ Meta ซึ่งอาจกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้  

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น ผลการประชุม กนง. ในช่วงบ่าย โดยเงินบาทอาจยังติดโซนแนวต้านแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ ในจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงดังกล่าว นอกจากนี้ บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ก็อาจลดความน่าสนใจของการถือครองทองคำ ทำให้ราคาทองคำเสี่ยงมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง (ไม่ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องชัดเจน) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทได้ นอกจากนี้ ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยหลัง Moody’s ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของไทยเป็น Negative ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทได้บ้าง แต่เราเชื่อว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติ อาจรอปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ไทยที่ชัดเจนอีกครั้ง หลังรับรู้ผลการประชุม กนง.

ทั้งนี้ ในช่วงเช้า ก่อนรับรู้ผลการประชุม กนง. นั้น ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดรับรู้รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินหยวนจีนได้ โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทก็เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินหยวนจีนราว 80% (1-month Correlation)

สำหรับ ผลการประชุม กนง. นั้น แม้ว่าบรรดาผู้เล่นในตลาดและบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (รวมถึงเรา) ต่างคาดหวังว่า กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 1.75% แต่เราก็ยอมรับว่า กนง. อาจเลือกที่จะรอประเมินแนวโน้มการเจรจาการค้าไปก่อน และใช้มาตรการอื่นๆ ในการช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น โครงการคุณสู้เราช่วย พร้อมประสานแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เพื่อเก็บกระสุนนโยบายการเงิน (Policy Space) ไว้ใช้ในยามจำเป็น หากสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าไทย หรือสินค้าทั่วโลก หลักครบกำหนด 90 วัน พักการขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) 

โดยในกรณีที่ กนง. เลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมที่ระดับ 2.00% อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยลดสถานะถือครองบอนด์ได้บ้าง ซึ่งแรงขายบอนด์ดังกล่าวก็อาจกดดันเงินบาทได้ ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทจะมากน้อยเพียงใด จะขึ้นกับมุมมองของ กนง. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ที่จะส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในการถือครองหุ้นไทยด้วยเช่นกัน

โดยรวมเรายังคงมองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจถูกจำกัดแถวโซนแนวต้าน 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ (โซนถัดไปจะอยู่แถว 33.80 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่โซนแนวรับยังคงอยู่แถว 33.30-33.40 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์)

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

ที่มาข้อมูล : Krungthai GLOBAL MARKETS

ที่มารูปภาพ : Getty Images

แท็กบทความ

ค่าเงินบาทวันนี้
แนวโน้มเงินบาท
ผลประชุม กนง.เศรษฐกิจสหรัฐฯ
กลยุทธ์ปิดความเสี่ยงค่าเงิน