
สรุปข่าว
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,566.36 จุด บวก 2.40 จุด หรือ 0.15 % โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,571.74 จุด และต่ำสุดที่ระดับ1,555.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76,509.98 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนก่อนที่จะปิดตลาดบวกเป็นผลมาจากแรงซื้อหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กพยุงตลาด หลังจากที่หุ้นขนาดใหญ่ ๆ ขาดสีสัน
สำหรับตลาดหุ้นทั่วโลกกังเฟดจะไม่ต่ออายุโครงการผ่อนคลายเงินทุนธนาคารพาณิชย์ คือยกเลิก "ยกเว้น" กฎกันเงินทุนตามอัตราส่วน "Supple mentary Leverage Ratio"(SLR) ทั้งนี้เกณฑ์ SLR เป็นเกณฑ์ที่บังคับใช้กับสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์รวมตั้งแต่ 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้ดำรง SLR ขั้นต่ำ 3% และหากเป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญต่อระบบการเงิน(G-SIBs) ต้องมี SLR ขั้นต่ำ 5% ซึ่งข่าวดังกล่าวจะทำให้ธนาคารพาณิชย์อาจขายพันธบัตรและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือบอนด์ยีลด์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงดอกเบี้ยผ่อนคลายและตัดสินใจที่จะซื้อกองทุน ETF ที่เกี่ยวพันกับดัชนี Topix เท่านั้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดตลาด
"มูลค่าตลาดในวันนี้อยู่ในระดับ 70,000 กว่าล้านบาทมาจากแรงซื้อหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งจะให้ไปสู่ระดับ 100,000 กว่าล้านบาทเป็นไปได้ยาก
นอกจากนี้ตลาดรอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 24 มี.ค.นี้คาดว่าคงดอกเบี้ยไว้ 0.5% เหมือนเดิม รวมถึงการประกาศตัวเลขการส่งออก ส่วนต่างประเทศรอดูการแถลงมาตรการ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด และนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 23-24 มี.ค.นี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ประเมินแนวรับ 1,560 จุด แนวต้านแรก 1,570 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,575 จุด กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่เกาะไปกับภารฟื้นตัวบริโภคในประเทศ เช่น หุ้น SEAOIL ,MOONGส่วนหุ้นขนาดใหญ่แนะนำกลุ่มและปิโตรเคมีทยอยสะสมถ้าหุ้นปรับตัวลง เช่น KBANKและ IRCP
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand