
สรุปข่าว
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 31.07 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้น เงินบาทยังคงผันผวนไปตามเงินดอลลาร์ ซึ่งการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและโดดเด่นของสหรัฐฯ ยังคงหนุนให้เงินดอลลาร์สามารถแข็งค่าขึ้นหากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรฯออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะยุโรปยังคงเผชิญปัญหาการระบาดระลอกใหม่ ทั้งนี้เงินบาทอาจไม่อ่อนค่าไปมากหรือแข็งค่าได้ หากตลาดเปิดรับความเสี่ยงสินทรัพย์ไทยมากขึ้น โดยควรจับตาฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติที่อาจเริ่มกลับเข้าตลาดหุ้นไทยหากนักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนเม.ย.ถึง กลางพ.ค.เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าที่เพิ่มขึ้น จากแรงซื้อสกุลเงินต่างประเทศเพื่อจ่ายปันผล ขณะที่ในระยะยาว เราคงมุมมองแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายปี ตามภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจและเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ทำให้ในช่วงไตรมาส 2 จะเป็นโอกาสที่ดี สำหรับผู้ส่งออกในการทยอยปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนมอง กรอบ เงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 30.85 - 31.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.10 - 31.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินยังคงอ่อนไหวจากประเด็นความกังวลปัญหาการระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 ขณะเดียวกัน แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งจากความหวังการเร่งแจกจ่ายวัคซีนก็ได้ช่วยหนุนให้ สินทรัพย์ในฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น
สำหรับสัปดาห์นี้ ประเด็นที่ต้องติดตามยังคงเป็น แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตลาดจะรอดูแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ไปพร้อมกับการติดตามสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โดยเฉพาะในยุโรป และ อินเดีย
ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ มีดังต่อไปนี้ง ฝั่งสหรัฐฯการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะดีขึ้นต่อเนื่อง หนุนโดยการเร่งแจกจ่ายวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ส่งผลให้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) ในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 96.8 จุด จาก 91.3 จุด ในเดือนก่อน
ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานก็มีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่ง จากการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ที่ช่วยหนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่ลดลงต่อเนื่องเหลือ 6.8 แสนราย ขณะเดียวกัน ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนมี.ค.จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 6 แสนตำแหน่ง หนุนให้อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 6.0%
ฝั่งยุโรปแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่อาจสะดุดลงจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ซึ่งจะขยายเวลามาตรการ Lockdown กอปรกับการฉีดวัคซีนที่ล่าช้ากว่ากำหนดอาจกดดันให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนมีนาคมลดลง สู่ระดับ -14 จุด
ด้านเอเชีย สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงชัดเจนต่อเนื่อง โดยทั้งภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการบริการจะขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นในเดือนมีนาคม สะท้อนผ่าน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Services PMI) ที่จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.2 และระดับ 52 จุด ตามลำดับ
ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผลสำรวจภาคธุรกิจโดยธนาคารกลางญี่ปุ่น จะชี้ว่า บริษัทใหญ่ในภาคการผลิตจะมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้น โดยดัชนี Tankan บริษัทผู้ผลิตขนาดใหญ่จะปรับตัวขึ้น สู่ระดับ -1 จุด ในไตรมาสที่ 1 จาก -10 จุด จากเดือนก่อนหน้า หนุนโดยยอดการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องและค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ภาพดังกล่าวจะสะท้อนในยอดการส่งออกของเกาหลีใต้ (Exports) ในเดือนมีนาคมที่จะขยายตัวถึง 16% เช่นกัน
- เงินบาทเช้านี้ 30 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่า” ที่ระดับ 32.53 บาทต่อดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 29 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “อ่อนค่าลง” ที่ระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 28 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.69 บาทต่อดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 27 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.58 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 26 พ.ค. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.57 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 22 พ.ค. เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.69 บาท/ดอลลาร์
- เงินบาทเช้านี้ 19 พ.ค. เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 33.19 บาท/ดอลลาร์
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand