เช็กหุ้นรับปัจจัยบวก-ลบ เลื่อนใช้ Free Float

รายงานจากบล.เอเซียพลัส แจ้งว่า ตลาดเริ่มมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณดัชนี โดยใช้ Free Float เข้ามามีน้ำหนักตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ม.ค. 64 เพื่อให้ดัชนีสอดคล้องกับความเป็นจริง และเป็นไปตามระบบของสากลมากชึ้น หลังจากนั้นเริ่มมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ช่วง กลาง มี.ค. 64

ล่าสุดได้ข้อสรุปว่า “ให้ชะลอการปรับคำนวณดัชนีด้วยวิธีดังกล่าว ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของผู้ที่เกี่ยวข้อง” เนื่องจากมีผู้ให้ความเห็นส่วนมาก “ไม่เห็นด้วย” ด้วยหลายสาเหตุ อาทิ หุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว อาจไม่เหมาะกับการนำ FF มาถ่วงน้ำหนัก, การเพิ่มน้ำหนักที่ไม่มีเจ้าของที่แท้จริง อาจส่งผลให้บริษัทขาดความเต็มที่ในการดำเนินธุรกิจ วิธีดังกล่าวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหุ้นที่มี Free Float ต่ำ

ด้วยกระแสการเก็งกำไรที่เริ่มเปลี่ยนทิศ ฝ่ายวิจัย ASPS จึงเริ่มทำการวิเคราะห์ว่าในช่วงที่ผ่านมา มีหุ้นอะไรที่ถูกเก็งกำไร และถูกกดดันจากประเด็นดังกล่าว โดยการหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลข Free Float และ ผลตอบแทนตั้งแต่ช่วงที่ตลาดเริ่มมีแนวคิดการปรับเปลี่ยนวิธีคำนวณดัชนี (ปลายๆ เดือน ม.ค. 64) ถึงปัจจุบัน พบว่า ภาพรวมส่วนใหญ่จะมีทิศทางทีแปรตามกัน คือ หุ้น Free Float เยอะ (สูงกว่าค่าเฉลี่ย SET100 ที่ 47.3%) มักจะ Outperform ตลาดฯ และหุ้นที่มี Free Float น้อยหลายบริษัท Underperform ตลาดอย่างเห็นได้ชัด 

ในทางกลับกันหากตลาดชะลอการปรับคำนวณดัชนีด้วยวิธีดังกล่าวออกไปก่อน ภาพรวมน่าจะส่งผลดีต่อตลาด เนื่องจาก หุ้นที่มี Free Float ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 54 บริษัท มี Market Cap.รวมกันสูงถึง 7.1 ล้านล้านบาท สูงกว่า หุ้นที่มี Free Float สูงกว่าค่าเฉลี่ย 46 บริษัท โดยมี Cap.รวมกันที่ 6.3 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหา “หุ้นลมเปลี่ยนทิศ” โดยที่ผ่านเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้1.  หุ้นที่ผ่อนคลายจากประเด็นดังกล่าว คือ หุ้นที่มี Free Float ต่ำกว่า 40% และ Underperform ตลาดมากสุดในช่วงที่ผ่านมา2.  หุ้นที่อาจถูกขายทำกำไรบ้าง คือ หุ้นที่มี Free Float สูงกว่า 60% และ Outperform ตลาดสุดในช่วงก่อนหน้าได้ผลลัพธ์ 15 หุ้นผ่อนคลาย และอีก 15 หุ้นที่อาจถูกเก็งกำไร จากตลาดชะลอการใช้ Free Float ถ่วงดัชนี สรุปการชะลอการถ่วงดัชนีด้วย Free Float ออกไปก่อน แม้จะมีทั้งหุ้นที่ผ่อนคลาย รวมถึงหุ้นที่อาจถูกขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ภาพรวมน่าจะช่วงลดความผันผวนของตลาดฯ ในระยะถัดไป