"คลัง" โอดผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ กดจีดีพีไทยปี64 โตได้แค่ 1.3 %

"คลัง" โอดผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ กดจีดีพีไทยปี64 โตได้แค่  1.3 %

สรุปข่าว

วันนี้( 29 ก.ค.64) นางสาวกุลยา ตันติเตมิทผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังแถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ว่า  เศรษฐกิจไทยปี 2564คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.8 ถึง 1.8) เมื่อเทียบกับประมาณการครั้งก่อน ณ เดือนเมษายน 2564 ที่ร้อยละ 2.3 ต่อปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus  Disease  2019: COVID-19) ที่เริ่มต้นในช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2564 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยการเดินทางระหว่างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ซึ่งในช่วง 5เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวสูงที่ร้อยละ 14.5 ต่อปีส่งผลให้คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2564 จะขยายตัวที่ร้อยละ 16.6 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ16.1ถึง17.1)ปรับเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ร้อยละ 11.0 ต่อปี

นอกจากนี้ภาครัฐยังได้ดำเนินมาตรการทางการคลังของภาครัฐอย่างต่อเนื่องเพื่อประคองเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และมาตรการด้านการเงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เป็นต้น  ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคบรรเทาผลกระทบของภาคธุรกิจและรักษาระดับการจ้างงานให้สูงขึ้น  โดยคาดว่าการบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 ต่อปี และ 9.5ต่อปี  ตามลำดับ  ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.0 ต่อปี  และ 4.1 ต่อปี ตามลำดับ

ด้านเสถียรภาพภายในประเทศคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.7 ถึง 1.7) ปรับตัวลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ร้อยละ 1.4 ต่อปี เนื่องจากภาครัฐมีการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ  ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุล -2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นร้อยละ -0.5 ของ GDP จากการขาดดุลในดุลบริการเป็นสำคัญ


สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วงร้อยละ 4.0 ถึง 5.0 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลงและมีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 12 ล้านคน ในขณะที่การส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ การจ้างงาน และสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลให้การใช้จ่ายภายในประเทศจะกลับมาฟื้นตัวได้ดี 


ทั้งนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดได้แก่ 1) ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2) ข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ  3) ความไม่แน่นอนของตลาดน้ำมันโลก หากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศรุนแรงขึ้น รวมทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงาน และ 4) ทิศทางนโยบายการเงินโลกที่มีแนวโน้มเข้มงวดขึ้นจะส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ  อย่างไรก็ดีประเทศไทยยังมีฐานะการคลังที่มั่นคงและมีเสถียรภาพทำให้กระทรวงการคลังมีความพร้อมในการดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปโดยแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐประกอบกับนโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป”



ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ

จีดีพีไทยเศรษฐกิจไทย
covid-19
ส่งออกไทย
การลงทุนเอกชน
การลงทันภาครัฐ
เงินเฟ้อ