นายกรัฐมนตรีโช จุง-ไท่ ของไต้หวัน ระบุว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาความจำเป็นในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมท้องถิ่น ท่ามกลางความท้าทายจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าเซมิคอนดักเตอร์
เขากล่าวว่า ในอีก 1-2 วัน รัฐบาลจะพิจารณาอย่างเร่งด่วนว่าจำเป็นต้องจัดทำแผนความร่วมมือเพิ่มเติมและโครงการช่วยเหลือสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์หรือไม่
นายกรัฐมนตรีไต้หวัน กล่าวด้วยว่า ต้องการยืนยันว่าตำแหน่งของไต้หวันในห่วงโซ่อุตสาหกรรมของโลกนั้นไม่ควรถูกละเลย และไต้หวันจะรักษาข้อได้เปรียบนี้ต่อไป
ไต้หวันเป็นแหล่งรวมของบริษัทผลิตชิปตามคำสั่งซื้อรายใหญ่ของโลก รวมถึง “ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง” (TSMC) นับเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญในห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีระดับโลกสำหรับบริษัทต่าง ๆ อาทิ แอปเปิล อินวิเดีย
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า มีแผนจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งรวมถึงชิป ยารักษาโรค และเหล็ก เพื่อให้ผู้ผลิตต่าง ๆ หันไปผลิตสินค้าในสหรัฐฯ มากขึ้น
นอกจากนี้ ไต้หวันยังอาจเผชิญความท้าทายอีกเรื่อง หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์สั่งให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบเรื่องการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงแนวปฏิบัติด้านการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการบิดเบือนค่าเงินของประเทศต่าง ๆ
ในปี 2567 ไต้หวันเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 83 เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยไต้หวันส่งออกไปยังสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.114 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์ไฮเทค อาทิ เซมิคอนดักเตอร์
สรุปข่าว