
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ “ท่าอากาศยานไทย” หรือ AOT บอกว่าความกังวลของนักลงทุนต่อที่มีต่อ AOT กับ คิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานหลัก จากการเลื่อนจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนนั้น ขอชี้แจงว่า สัญญาที่ AOT ทำไว้มี 2 บริษัท ในส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิจำกัด (KPS) ได้เลื่อนขอชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 68 ซึ่งทาง KPS ได้เข้ามาจ่ายดอกเบี้ยที่ชำระล่าช้าแล้ว และอีกสัญญาคือ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ได้ขยายเวลาเป็นเดือนเมษายน 68
โดยยืนยันว่าการจ่ายที่ล่าช้าของคิงเพาเวอร์ไม่กระทบต่อรายได้ และกำไรของ AOT ไม่ทำให้รายได้ลดลง แต่เปลี่ยนหมวดจากเงินสด มาเป็นลูกหนี้การค้าเท่านั้น และยังมี Minimum Guarantee ของ คิงเพาเวอร์อยู่ 12,000 ล้านบาท/ปี พร้อมให้ความมั่นใจว่าปีนี้ผลงานของ AOT น่าจะดีกว่า ปี 67 จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22 ทำให้มั่นใจว่านี้เป้านักท่องเที่ยว 130 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10 จากปีก่อนเป็นไปได้
สรุปข่าว
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ “ท่าอากาศยานไทย” หรือ AOT บอกว่าความกังวลของนักลงทุนต่อที่มีต่อ AOT กับ คิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานหลัก จากการเลื่อนจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนนั้น ขอชี้แจงว่า สัญญาที่ AOT ทำไว้มี 2 บริษัท ในส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิจำกัด (KPS) ได้เลื่อนขอชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 68 ซึ่งทาง KPS ได้เข้ามาจ่ายดอกเบี้ยที่ชำระล่าช้าแล้ว และอีกสัญญาคือ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ได้ขยายเวลาเป็นเดือนเมษายน 68
โดยยืนยันว่าการจ่ายที่ล่าช้าของคิงเพาเวอร์ไม่กระทบต่อรายได้ และกำไรของ AOT ไม่ทำให้รายได้ลดลง แต่เปลี่ยนหมวดจากเงินสด มาเป็นลูกหนี้การค้าเท่านั้น และยังมี Minimum Guarantee ของ คิงเพาเวอร์อยู่ 12,000 ล้านบาท/ปี พร้อมให้ความมั่นใจว่าปีนี้ผลงานของ AOT น่าจะดีกว่า ปี 67 จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22 ทำให้มั่นใจว่านี้เป้านักท่องเที่ยว 130 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10 จากปีก่อนเป็นไปได้
สำหรับแผนการลงทุนนั้น AOT จะเปิดประมูลโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเดือนพฤษภาคมนี้ และเริ่มก่อสร้างได้ภายในปลายปีนี้ โดยใช้เวลาดำเนินโครงการ 3 ปี โดยโครงการนี้ใช้งบลงทุนราว 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาช่วยแก้ปัญหาความแออัดของอาคารผู้โดยสาร เพิ่มพื้นที่ของอาคารผู้โดยสารอีกร้อยละ 20 จาก 400,000 ตารางเมตรเป็น 480,000 ตารางเมตร โดยจะเพิ่มพื้นที่เช็คอิน ตรวจค้นและตรวจคนเข้าเมือง ส่งผลให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 80 ล้านคนต่อปี
ส่วนแผนแม่บทขยายโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น จะมีการปรับใหม่ โดยจะมีการรวมพื้นที่ที่เคยวางไว้ในแผนเดิม คือ อาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ทางด้านทิศใต้ (south terminal ) และ อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 หรือ Satellite 2 เข้าไว้เป็นอาคารเดียวกัน คือ south terminal เพื่อให้เชื่อมต่อถึงกันได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งงบลงทุน south terminal รถไฟฟ้า APM และรันเวย์ที่ 4 ประมาณ 130,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตกของอาคารผู้โดยสาร (West Expansion) และส่วน ต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ยังต้องศึกษาอีกรอบ แต่มีแนวโน้มว่าจะยกเลิก เนื่องจากอาคารผู้โดยสารหลักที่ปรับปรุงใหม่ และ โครงการ south terminal ที่อยู่ในแผนการก่อสร้าง ซึ่งน่าจะเพียงพอในการรองรับผู้โดยสารแล้ว โดยคาดว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการทำศูนย์ซ่อมเครื่องบิน หรือ MRO และ คาร์โก้ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ AOT เพิ่มได้
ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่กระทรวงคมนาคม จะยกเลิกโอน 3 ท่าอากาศยาน กระบี่ อุดรธานี และบุรีรัมย์ ให้ AOT ดูแล นั้น มองว่า แม้ AOT จะมีศักยภาพในการบริหาร แต่ทั้ง 3 ท่าอากาศยานต้องใช้งบในการปรับปรุงอยู่พอสมควร เพื่อรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่ง ปัจจุบัน AOT มีโครงการที่จะพัฒนาท่าอากาศยานอยู่หลายแห่ง ทั้งสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต ซึ่งล้วนใช้งบลงทุนสูง หากไม่ต้องมาลงทุนปรับปรุง 3 ท่าอากาศยาน จะช่วยลดเม็ดเงินลงทุนภาพรวมลงได้

TNNThailand