
CNBC รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 1% เต็ม แม้ว่ารายงานการจ้างงานเมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมาจะออกมาดีเกินคาดก็ตามโดยทรัมป์ยันว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลัง ไปได้ดีเยี่ยม
โดยนักวิชาการหลายคนในตลาด ได้คาดการณ์ว่าโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นแทบจะเป็นศูนย์ หลังจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ครั้งต่อไปในปลายเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
สรุปข่าว
CNBC รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 1% เต็ม แม้ว่ารายงานการจ้างงานเมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมาจะออกมาดีเกินคาดก็ตามโดยทรัมป์ยันว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลัง ไปได้ดีเยี่ยม
โดยนักวิชาการหลายคนในตลาด ได้คาดการณ์ว่าโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นแทบจะเป็นศูนย์ หลังจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ครั้งต่อไปในปลายเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
ที่ผ่านมา เฟดเคยปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1% เต็มในช่วงปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในเดือนมีนาคม 2020 เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ การโจมตีพาวเวลล์ครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีเกิดขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่าการจ้างงานในสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว ซึ่งสูงกว่าที่ Dow Jones ประมาณการไว้ที่ 125,000 ตำแหน่ง
ทรัมป์ให้เหตุผลหลักว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถลดอัตราดอกเบี้ยทั้งระยะยาวและระยะสั้น “สำหรับหนี้ที่กำลังจะครบกำหนด”
ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง 0.25% เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 8 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และ ECB ได้ส่งสัญญาณว่าจะเป็นการปรับลดครั้งสุดท้ายของปี ซึ่ง ECB ได้ผ่อนคลายมาตรการโดยพิจารณาจากแนวคิดที่ว่าทั้งอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังอ่อนแอลง