ตัวเลขทางการเงิน หรืออัตราส่วนทางการเงินที่สามารถบ่งบอกว่าราคาของหุ้นตัวนั้นถูก หรือแพง ก็สามารถใช้การวิเคราะห์ได้ด้วยหลากหลาย ซึ่งตัวเลขทางการเงินที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยครั้งนั่นคือ Enterprise Value แล้ว Enterprise Value คืออะไร บอกได้ว่าหุ้นตัวนั้น ถูกหรือแพงจริงหรือไม่
สรุปข่าว
ตัวเลขทางการเงิน หรืออัตราส่วนทางการเงินที่สามารถบ่งบอกว่าราคาของหุ้นตัวนั้นถูก หรือแพง ก็สามารถใช้การวิเคราะห์ได้ด้วยหลากหลาย ซึ่งตัวเลขทางการเงินที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยครั้งนั่นคือ Enterprise Value แล้ว Enterprise Value คืออะไร บอกได้ว่าหุ้นตัวนั้น ถูกหรือแพงจริงหรือไม่
Enterprise Value หรือ EV คือตัวเลขที่แสดงถึงมูลค่าสุทธิของกิจการหรือมูลค่าทั้งหมดของบริษัท เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบความถูกแพงของราคาหุ้นกับมูลค่าที่ควรจะเป็น ซึ่งการหา Enterprise Value ของหุ้นที่เราสนใจนั้น เราสามารถที่จะคำนวณได้เอง โดยไม่มีความซับซ้อน
ซึ่งการหามูลค่าสุทธิของกิจการนั้น คือการนำมูลค่าตลาดของ หรือมาร์เก็ตแค็ปของหุ้น มาบวกกับหนี้สินรวม นำมาหักออกด้วยเงินสดรวมที่มีอยู่ เราก็จะได้ Enterprise Value ของหุ้นตัวนั้น เช่น หุ้น XXX มีมาร์เก็ตแคป 200 ล้านบาท มีหนี้สิน 30 ล้านบาท และมีเงินสด 160 ล้านบาท เมื่อนำมาคำนวน Enterprise Value จะได้ 70 ล้านบาท
เมื่อทราบถึงที่มาของ Enterprise Value แล้ว ก็อาจจะเกิดข้อสงสัยว่า แล้วตัวเลขที่เราได้มานั้น จะรู้ได้อย่างไรว่า “ถูกหรือแพง” การนำ Enterprise Value ไปประยุกต์ใช้นั้น วิธีที่ได้รับความนิยมคือ การนำไปเปรียบเทียบกับ EBITDA หรือ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือนักลงทุนหลายคนตีความว่าเป็น “กำไรที่แท้จริง” จากการดำเนินการของบริษัท
ซึ่งสามารถคำนวณหา EV/EBITDA ได้โดยนำ EV มาหารด้วย EBIDA เช่นจากตัวอย่างที่แล้ว หุ้น XXX มี Enterprise Value เท่ากับ 70 ล้านบาท และมี EBITDA เท่ากับ 14 ล้านบาท ก็จะได้ค่า EV/EBITDA อยู่ที่ 5 เท่าเป็นต้น ซึ่งตัวเลขที่ต่ำหมายถึงราคาหุ้นที่ถูกนั่นเอง
หลังจากนั้นให้เราดูตัวเลขย้อนหลังว่าหุ้นตัวนั้นมีค่า EV/EBITDA ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถ้ามีค่า EV/EBITDA ที่ลดลง แสดงว่าการทำกำไรของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าของกิจการ หรืออาจจะตอบได้ว่า มูลค่าของกิจการนั้นลดลงจากราคาหุ้นที่ต่ำลง แต่ธุรกิจยังคงมีความสามารถที่จะสร้างกำไรได้ไม่เปลี่ยนแปลง
แล้วจึงนำค่า EV/EBITDA ที่ได้นั้นไปเปรียบเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมว่ามีค่าที่สูง หรือต่ำกว่าอุตสาหกรรม ก็จะสามารถที่จะตอบได้ว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาที่ถูกหรือแพงกว่าอุตสาหกรรมหรือไม่
ที่มาข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย/สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ที่มารูปภาพ : Canva

TNNThailand