เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.82 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.82 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.82 บาท  

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS  เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 34.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 34.82 บาทต่อดอลลาร์   มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 34.70 - 35.00 บาทต่อดอลลาร์

สรุปข่าว

เงินบาทเปิดเช้าวันนี้อ่อนค่าลงอยู่ที่ 34.91 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ที่กระทบเงินหยวนและราคาทองคำ แนวโน้มเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยอาจแตะระดับ 35.00 บาท หากสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศยังไม่คลี่คลาย

เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.82 บาท  

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS  เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 34.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 34.82 บาทต่อดอลลาร์   มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 34.70 - 35.00 บาทต่อดอลลาร์

แรงกดดันหลักต่อค่าเงินบาทในช่วงนี้มาจากแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีท่าทีแข็งกร้าวในการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ โดยล่าสุด สหรัฐฯ เตรียมประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เพิ่มเติมอีก 50% ส่งผลให้อัตราภาษีสะสมพุ่งขึ้นแตะระดับ 104% สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ค่าเงินหยวนของจีนในตลาด Offshore (CNH) อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนแรงกดดันมาสู่ค่าเงินบาท ซึ่งในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันในอัตราสูงถึง 71%

นอกจากนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ซ้ำเติมแนวโน้มอ่อนค่าของเงินบาท อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงมีแรงพยุงจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้รับผลกระทบจากมุมมองของตลาดที่เชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 4-5 ครั้งภายในปีนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการกีดกันการค้า

Krungthai GLOBAL MARKETS ยังประเมินว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้ม อ่อนค่าต่อเนื่องในระยะสั้น โดยมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ หากสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศยังคงเผชิญแรงเสียดทานจากนโยบายกีดกันของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน บรรยากาศการลงทุนที่อยู่ในภาวะ “ปิดรับความเสี่ยง” (Risk-off Sentiment) อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะในตลาดหุ้น

นักลงทุนควรติดตามปัจจัยสำคัญเพิ่มเติม ได้แก่ ราคาทองคำ และ ท่าทีของทางการจีน ในการตอบสนองต่อนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่อทิศทางของเงินหยวนและเงินบาท นอกจากนี้ ในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ตลาดจะจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ที่จะส่งสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป

ที่มาข้อมูล : Krungthai GLOBAL MARKETS

ที่มารูปภาพ : Getty Images