"เฟด"คงดอกเบี้ยตามคาด ส่งสัญญาณลด 2 ครั้งปีนี้ หวั่นภาษีทรัมป์ดันเงินเฟ้อพุ่ง

"เฟด"คงดอกเบี้ยตามคาด  ส่งสัญญาณลด 2 ครั้งปีนี้  หวั่นภาษีทรัมป์ดันเงินเฟ้อพุ่ง

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ประธานเฟดคาดเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้ จากภาษีทรัมป์


ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568 ตามเวลาสหรัฐฯ โดยระบุว่า ข้อมูลที่เฟดได้รับเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง แม้ว่าความผันผวนของยอดส่งออกสุทธิได้ส่งผลกระทบต่อข้อมูลก็ตาม ขณะที่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และภาวะตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง


คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาว ส่วนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจลดลงแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง และคณะกรรมการยังคงให้ความสนใจกับความเสี่ยงที่จะมีต่อ Dual Mandate ของเฟด คือการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ส่วนในการพิจารณาเรื่องขนาดและเวลาของการปรับช่วงเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพิ่มเติมนั้น คณะกรรมการจะใช้ความระมัดระวังในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า รวมทั้งแนวโน้มของพัฒนาการทางเศรษฐกิจ และสมดุลของความเสี่ยง 


คณะกรรมการจะยังคงปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) นอกจากนี้ คณะกรรมการมีความมุ่งมั่นอย่างมากในการสนับสนุนการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%


ส่วนในการประเมินแนวทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการฯ จะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ จะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ของคณะกรรมการฯ โดยคณะกรรมการฯ จะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศ


สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด,ไมเคิล เอส บาร์, มิเชล ดับเบิลยู โบว์แมน, ซูซาน เอ็ม คอลลินส์, ลิซา ดี คุก, ออสติน ดี กูลส์บี, ฟิลิป เอ็น เจฟเฟอร์สัน, เอเดรียนา ดี คุกเลอร์, อัลเบอร์โต จี มูซาเลม, เจฟฟรีย์ อาร์ ชมิด และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์

สรุปข่าว

"เฟด"คงดอกเบี้ยตามคาด ส่งสัญญาณลด 2 ครั้งปีนี้ หวั่นภาษีทรัมป์ดันเงินเฟ้อพุ่ง

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ประธานเฟดคาดเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้ จากภาษีทรัมป์


ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568 ตามเวลาสหรัฐฯ โดยระบุว่า ข้อมูลที่เฟดได้รับเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง แม้ว่าความผันผวนของยอดส่งออกสุทธิได้ส่งผลกระทบต่อข้อมูลก็ตาม ขณะที่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และภาวะตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง


คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาว ส่วนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจลดลงแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง และคณะกรรมการยังคงให้ความสนใจกับความเสี่ยงที่จะมีต่อ Dual Mandate ของเฟด คือการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ส่วนในการพิจารณาเรื่องขนาดและเวลาของการปรับช่วงเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพิ่มเติมนั้น คณะกรรมการจะใช้ความระมัดระวังในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า รวมทั้งแนวโน้มของพัฒนาการทางเศรษฐกิจ และสมดุลของความเสี่ยง 


คณะกรรมการจะยังคงปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) นอกจากนี้ คณะกรรมการมีความมุ่งมั่นอย่างมากในการสนับสนุนการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%


ส่วนในการประเมินแนวทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการฯ จะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ จะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ของคณะกรรมการฯ โดยคณะกรรมการฯ จะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศ


สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด,ไมเคิล เอส บาร์, มิเชล ดับเบิลยู โบว์แมน, ซูซาน เอ็ม คอลลินส์, ลิซา ดี คุก, ออสติน ดี กูลส์บี, ฟิลิป เอ็น เจฟเฟอร์สัน, เอเดรียนา ดี คุกเลอร์, อัลเบอร์โต จี มูซาเลม, เจฟฟรีย์ อาร์ ชมิด และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์

เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (18 มิถุนายน 2568 ) โดยกล่าวว่า นโยบายการเงินอาจจะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง แต่ในระยะใกล้นี้ เขายังไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะอ่อนแอลง


พาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอ่อนแอลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และนั่นเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง หลายต่อหลายครั้งที่ผู้คนคิดว่าเศรษฐกิจจะอ่อนแอลง ซึ่งต่อให้ในท้ายที่สุดมันจะอ่อนแอ แต่ในขณะนี้เรายังไม่เห็นสัญญาณของสิ่งนั้น


พร้อมระบุว่า กรรมการเฟดคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจากราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้ เนื่องจากผลกระทบจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะส่งผลต่อผู้บริโภคสหรัฐฯ

โดยพาวเวลบอกว่า สิ่งที่นักวิเคราะห์ภายนอกทุกคนและเฟดเองกำลังพูดถึงก็คือ เฟดคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และเฟดต้องนำสิ่งนี้มาพิจารณา และมองว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและเป็นการตัดสินใจที่ดีขึ้น หากเรารอเวลาอีกสักสองสามเดือนหรือนานกว่านั้น เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าการส่งผ่านเงินเฟ้อดังกล่าวนั้นจะเป็นอย่างไร 


ทั้งนี้ในการประชุมครั้งนี้ กรรมการเฟด 19 คนมีความเห็นที่แตกต่างกัน โดยมี 7 คนที่มองว่าไม่จำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมุมมองที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์จะลดลงจากจุดสูงสุดในเดือนเมษายน 2568 แต่ขณะนี้ก็ยังคงเป็น “ช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนอย่างมาก”


ในการแถลงข่าวครั้งนี้ พาวเวลไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน และความเสี่ยงที่ความขัดแย้งดังกล่าวจะมีต่อตลาดน้ำมันโลกหรือตลาดอื่น ๆ โดยพาวเวลกล่าวเพียงว่า เฟดกำลังติดตามความขัดแย้งนี้เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ และแม้ว่าราคาพลังงานอาจจะปรับตัวสูงขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้วการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานมักจะอ่อนตัวลงในภายหลัง และไม่มีผลกระทบที่ยั่งยืนต่อเงินเฟ้อ


“ขณะนี้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะรอดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจก่อนที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายของเรา และเฟดพร้อมที่จะ ‘ตอบสนอง’ ต่อข้อมูลที่เข้ามาอย่างทันท่วงที”


ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2570 ทั้งนี้ Dot Plot บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1% ในช่วงปี 2568-2570


สำหรับการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจนั้น เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.4% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.7% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 3.1% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.8%


ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2568, 2569 และ 2570 อยู่ที่ระดับ 1.4%, 1.6% และ 1.8% ตามลำดับ จากเดิมคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ว่าจะมีการขยายตัว 1.7%, 1.8% และ 1.8% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 1.8%


นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์อัตราว่างงานในปี 2568, 2569 และ 2570 อยู่ที่ระดับ 4.5%, 4.5% และ 4.4% ตามลำดับ จากเดิมคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.4%, 4.3% และ 4.3% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการว่างงานระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 4.2%


ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อตามดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ในปี 2568, 2569 และ 2570 อยู่ที่ระดับ 3.1%, 2.4% และ 2.1% ตามลำดับ หลังจากคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.8%, 2.2% และ 2.0% ตามลำดับ

ที่มาข้อมูล : ธนาคารกลางสหรัฐ

ที่มารูปภาพ : Freepik Fed