"หยวนต้า" มองสถานการณ์ "ตะวันออกกลาง" เดือด กดดัน "หุ้นพลังงาน" แนะ Selective Buy

"หยวนต้า" มองสถานการณ์ "ตะวันออกกลาง" เดือด กดดัน "หุ้นพลังงาน" แนะ Selective Buy

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 2Q25 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ระดับ 1.47 หมื่นล้านบาท เติบโต 15% QoQ และ 11% YoY (บนสมมติฐานกำไรปกติเสมือนของ GULF ในช่วง 2Q24 ที่ระดับ 4.61 พันล้านบาท) โดยคาดกำไรปกติของกลุ่มฯ จะยังสามารถเติบโตได้แม้กำไรปกติของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีแนวโน้มลดลงจากการเริ่มรับรู้ผลกระทบของการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.98 บาท/หน่วย ตั้งแต่เดือน พ.ค.

สรุปข่าว

คงน้ำหนักการลงทุน “Neutral” โดยให้เน้นการลงทุนแบบ Selective Buy ในหุ้นที่กำไรปกติมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และมีผลกระทบจำกัดจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และการเมืองทั้งใน และต่างประเทศ ให้ BCPG ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท เป็น Top Pick

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 2Q25 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ระดับ 1.47 หมื่นล้านบาท เติบโต 15% QoQ และ 11% YoY (บนสมมติฐานกำไรปกติเสมือนของ GULF ในช่วง 2Q24 ที่ระดับ 4.61 พันล้านบาท) โดยคาดกำไรปกติของกลุ่มฯ จะยังสามารถเติบโตได้แม้กำไรปกติของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีแนวโน้มลดลงจากการเริ่มรับรู้ผลกระทบของการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.98 บาท/หน่วย ตั้งแต่เดือน พ.ค.

เพราะได้แรงหนุนจาก 1)การปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่น้อยลง 2)การเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ในตลาด PJM (BCPG, GULF, EGCO) ที่เพิ่มขึ้นหลังการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายในเดือน มิ.ย. 3)ปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว และ 4)ปัจจัยเฉพาะตัวของ GULF (ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่เพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นราคา Package หลัก และการรับรู้รายได้จากเงินปันผลของ KBANK)

ขณะที่ YoY คาดกำไรปกติของกลุ่มฯ สามารถเติบโตได้โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณน้ำในลาวที่ฟื้นตัว และการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายในตลาดไฟฟ้าสหรัฐฯ แม้กำไรปกติของกลุ่มฯ ยังมีแนวโน้มเติบโตได้แต่คาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าในระยะสั้น-กลางจะยังคงถูกกดดันจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ

โดยสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความตึงเครียดมากขึ้นอาจส่งผลให้ราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น (ในกรณีที่มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นช่องทางการขนส่งน้ำมันและ LNG ของโลก) และกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มฯ เนื่องจากคาดการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเพื่อสะท้อนต้นทุนทำได้จำกัด ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศที่เริ่มมีความไม่แน่นอนอาจส่งผลให้การออกนโยบาย และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนในช่วงก่อนหน้า (เช่น Direct PPA และแผน PDP ฉบับใหม่) รวมถึงการทบทวนการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนส่วนขยาย (การรับซื้อรอบ 2.2GW) มีโอกาสเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดไว้เดิม (เดิมคาดเกิดขึ้นภายใน 2H25)

คงน้ำหนักการลงทุน “Neutral” สำหรับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยให้เน้นการลงทุนแบบ Selective Buy ในหุ้นที่กำไรปกติมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และมีผลกระทบจำกัดจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และการเมืองทั้งใน และต่างประเทศ ให้ BCPG ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท เป็น Top Pick

เพราะ 1)คาดกำไรปกติของบริษัทฯ จะสามารถกลับมาเติบโต YoY ได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากการเริ่มรับรู้ผลของการปรับเพิ่มค่าความพร้อมจ่ายในตลาดไฟฟ้าสหรัฐฯ และการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลม Monsoon ที่ทยอย COD ตั้งแต่เดือน พ.ค.2568 2)การที่หุ้นมีกำลังผลิตหลักอยู่ในสหรัฐฯ ทำให้คาดได้รับผลกระทบจำกัดจากปัจจัยการเมืองในไทยที่มีความไม่แน่นอน และความเสี่ยงเชิงนโยบายของเวียดนาม

(โครงการของบริษัทฯ เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในลาว และขายไฟฟ้าไปยังเวียดนาม ทำให้ยังไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญา PPA) และ 3)ราคาก๊าซธรรมชาติที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากสถานการณ์ระหว่างอิสราเอล-อิหร่านจะช่วยหนุนส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ

ที่มาข้อมูล : บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า

ที่มารูปภาพ : TNN