
บอร์ด นบข.อนุมัติจ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดรอบละ 10,000 บาท วงเงินรวมกว่า 44,000 ล้านบาท
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 3/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 68 และข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 68/69
โดยจ่ายเงินสนับสนุนไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาทต่อครัวเรือน ใช้งบประมาณรวมกว่า 44,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน แม้รัฐบาลจะมีมติไม่อุดหนุนต่อเนื่องในระยะยาว แต่กรณีปีนี้ถือเป็นสถานการณ์พิเศษที่ต้องเว้นหลักเกณฑ์ จากกรณีในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่อินเดียเปิดให้ส่งออกข้าว ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกลดลงอย่างมากจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เกษตรกรหลายรายจึงประสบภาวะขาดทุน
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบเพื่อดำเนินการจ่ายเงินต่อไป โดยข้าวนาปรัง จะใช้งบประมาณราว 7,200 ล้านบาท ซึ่งต้องมีการลงทะเบียนและตรวจสอบ โดยยืนยันว่ายังมีเงินเหลือจากปีที่แล้ว เนื่องจากงบบางอย่างได้เตรียมไว้แล้ว โดยคาดว่าจะได้รับภายในเดือนกันยายนนี้ ส่วนข้าวนาปีใช้งบราว 36,000 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายได้ภายหลังการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิในปลายปีหน้า โดยเงินจะโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส. ของเกษตรกรโดยตรง ทั้งนี้จะใช้งบประมาณจากมาตรา 28 จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ได้รับกว่า 4 ล้านครัวเรือน
ทั้งนี้ข้าวนาปรัง จะแจกปีนี้ครั้งเดียวเป็นครั้งสุดท้าย และรอบหน้าจะไม่มีการแจกเงินอีก โดยรัฐบาลมีข้อแม้ว่า จะไม่สนับสนุนการปลูกพันธุ์ข้าวที่ไม่มีคุณภาพ และส่งเสริมให้ลดพื้นที่ปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสม พร้อมผลักดันการปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชหรือพันธุ์ข้าวที่มีมูลค่าสูง เช่น ข้าวหอมมะลิและข้าวอินทรีย์ ซึ่งมีราคาสูงกว่าข้าวทั่วไป 30% รวมถึงเร่งพัฒนาเมล็ดพันธุ์และทำการตลาดร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน
นายพิชัย กล่าวว่า แผนระยะยาวของรัฐบาลคือการลดพื้นที่ปลูกข้าวจากกว่า 75 ล้านไร่ เหลือราว 60 ล้านไร่ใน 7-10 ปีข้างหน้า เพื่อให้ดีมานด์และซัพพลายสมดุล ลดความจำเป็นในการอุดหนุน และสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรไทยในอนาคต
สรุปข่าว
บอร์ด นบข.อนุมัติจ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดรอบละ 10,000 บาท วงเงินรวมกว่า 44,000 ล้านบาท
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 3/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 68 และข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 68/69
โดยจ่ายเงินสนับสนุนไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาทต่อครัวเรือน ใช้งบประมาณรวมกว่า 44,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน แม้รัฐบาลจะมีมติไม่อุดหนุนต่อเนื่องในระยะยาว แต่กรณีปีนี้ถือเป็นสถานการณ์พิเศษที่ต้องเว้นหลักเกณฑ์ จากกรณีในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่อินเดียเปิดให้ส่งออกข้าว ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกลดลงอย่างมากจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เกษตรกรหลายรายจึงประสบภาวะขาดทุน
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบเพื่อดำเนินการจ่ายเงินต่อไป โดยข้าวนาปรัง จะใช้งบประมาณราว 7,200 ล้านบาท ซึ่งต้องมีการลงทะเบียนและตรวจสอบ โดยยืนยันว่ายังมีเงินเหลือจากปีที่แล้ว เนื่องจากงบบางอย่างได้เตรียมไว้แล้ว โดยคาดว่าจะได้รับภายในเดือนกันยายนนี้ ส่วนข้าวนาปีใช้งบราว 36,000 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายได้ภายหลังการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิในปลายปีหน้า โดยเงินจะโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส. ของเกษตรกรโดยตรง ทั้งนี้จะใช้งบประมาณจากมาตรา 28 จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ได้รับกว่า 4 ล้านครัวเรือน
ทั้งนี้ข้าวนาปรัง จะแจกปีนี้ครั้งเดียวเป็นครั้งสุดท้าย และรอบหน้าจะไม่มีการแจกเงินอีก โดยรัฐบาลมีข้อแม้ว่า จะไม่สนับสนุนการปลูกพันธุ์ข้าวที่ไม่มีคุณภาพ และส่งเสริมให้ลดพื้นที่ปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสม พร้อมผลักดันการปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชหรือพันธุ์ข้าวที่มีมูลค่าสูง เช่น ข้าวหอมมะลิและข้าวอินทรีย์ ซึ่งมีราคาสูงกว่าข้าวทั่วไป 30% รวมถึงเร่งพัฒนาเมล็ดพันธุ์และทำการตลาดร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน
นายพิชัย กล่าวว่า แผนระยะยาวของรัฐบาลคือการลดพื้นที่ปลูกข้าวจากกว่า 75 ล้านไร่ เหลือราว 60 ล้านไร่ใน 7-10 ปีข้างหน้า เพื่อให้ดีมานด์และซัพพลายสมดุล ลดความจำเป็นในการอุดหนุน และสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรไทยในอนาคต
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมนบข.ได้รับทราบสถานการณ์ข้าวโลกและข้าวไทย ปี 2568/69 โดยคาดว่าราคาข้าวโลก ปีการผลิต 68/69 จะถูกกดดันจากสต็อกข้าวอินเดียที่เพิ่มขึ้น มากกว่าที่คาดการณ์ การระงับการนำเข้าข้าว 2 เดือนของฟิลิปปินส์ การชะลอนำเข้าข้าวไปจนถึงปี 2569 ของอินโดนีเซีย
แต่ยังมีปัจจัยบวกช่วยหนุนราคาข้าว เช่น ผลผลิตข้าวในเวียดนาม และฟิลิปปินส์ที่ได้ผลกระทบจากพายุวิภา เวียดนามประกาศเริ่มเก็บ VAT 5% กับสินค้าข้าวเพื่อการส่งออกตั้งแต่ 1 ก.ค. 68 เป็นต้นไป ซึ่งนโยบายเหล่านี้จะมีผลต่อราคาข้าวตลาดโลกในระยะข้างหน้า เราจึงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงภายนอกอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบการจัดสรรโควตาการส่งออกข้าวอินทรีย์ไปยังสหภาพยุโรปของโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร สำหรับปี 2569 – 2571 ของกรมการข้าว เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนผู้ประกอบการส่งออกข้าวอินทรีย์ไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จะจัดสรรโควตาการส่งข้าวไปสหภาพยุโรป สำหรับปี 2569 – 2571 ปริมาณ 1,700 ตันต่อปี
ขณะเดียวกันที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าว ให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นเหมาะสมกับพื้นที่เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต และตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ และพันธุ์ข้าวต้องมีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
จึงได้ให้ตั้งคณะทำงานประกอบด้วยหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งด้านการผลิต และการตลาด พิจารณาพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมและเพียงพอ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพข้าวไม่ได้มาตรฐานซึ่งส่งผลต่อราคาขาย และให้รายงาน นบข.ให้ทราบในครั้งต่อไป
- กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี มีผลทันที
- SAPPE งบ Q2/68 รายได้ 1,548 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 10.9%
- ศาลอินเดียสั่งย้ายสุนัขจรจัดจากกรุงเดลี หลังผู้ป่วยพิษสุนัขบ้าสูงขึ้น
- อินเดียระงับซื้ออาวุธสหรัฐฯ ตอบโต้มาตรการภาษีทรัมป์
- เปิดตัวเลข สถิติการค้า "ไทย-กัมพูชา" ครึ่งปี 2568 ภาพรวมส่งออก-นำเข้า ไทยเกินดุล แม้ค้าชายแดนวูบ
- พาณิชย์สหรัฐฯ คาด "ภาษีทรัมป์" โกยเงินเข้าประเทศพุ่ง 5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน
- "คลัง" จัด 3 มาตรการ เยียวยาผู้รับผลกระทบเหตุชายแดน "ไทย-กัมพูชา" พักหนี้-ภาษี-สินเชื่อ
ที่มาข้อมูล : รัฐบาลไทย
ที่มารูปภาพ : รัฐบาลไทย Freepik
