มีเงินถึงจะกินได้ ? "โกโก้" จ่อขึ้นแท่น "สินค้าฟุ่มเฟือย" ราคาพุ่งทะยาน 3 ปี +230%

ราคาโกโก้ตลาดโลก ผ่านมา 3 ปี ราคาขึ้นไปแล้วถึง 230% กระทบราคาช็อกโกแลต เช่น อังกฤษแพงขึ้น 11% อเมริกาบวก12 %


สินค้าช็อกโกแลตเป็นหมวดที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในซูเปอร์มาร์เก็ต  จากข้อมูลจากการสำรวจในปี 2024 ขององค์กรผู้บริโภคสหราชอาณาจักร การสำรวจพบว่า ราคาของช็อกโกแลตปรับเพิ่มเฉลี่ยถึง 11% จากปีก่อน ขณะที่ในสหรัฐฯ ขนมชื่อดังอย่าง Hershey’s Kisses ก็มีราคาที่แพงขึ้นประมาณ 12% เมื่อเทียบปีต่อปี และที่สำคัญ คือ ราคาของขนมหวานอย่างช็อกโกแลต ยังมีโอกาสที่จะแพงขึ้นไปมากกว่านี้อีกในอนาคต เพราะราคาของวัตถุดิบหลัก อย่างโกโก้ ที่ยังพุ่งทะยานเป็นขาขี้นไม่หยุด 


บริษัทผลิตช็อกโกแลตชื่อดังของโลก Lindt & Sprüngli โดย  Adalbert Lechner ซีอีโอของบริษัท ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ระบุว่าบอกว่า เขาไม่เชื่อว่าราคาโกโก้จะกลับมามีราคาถูกเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไปแล้ว เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่ความผันผวนเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นการสะท้อนถึง “โครงสร้างใหม่ของตลาด” ที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคเองต้องทำใจ ปรับตัวรับมือในระยะยาวให้ได้ 


CNBC รายงานว่า แม้ว่าราคาฟิวเจอร์สโกโก้จะเริ่มอ่อนตัวลงในปีนี้ (2025) จากช่วงต้นปี มกราคม อยู่ที่ประมาณ 8,177 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (หรือราว 266,979 บาท) ขยับลงมาเหลือที่ประมาณ 7,855 ดอลลาร์ต่อตัน (หรือราว 256,465 บาท) ในเดือนสิงหาคม แม้ฟังดูเหมือนดี เพราะราคาถูกลง แต่หากเราเทียบกับราคาในอดีต ตัวเลขนี้ก็ยังถือว่าสูงมาก และหากคิดเปรียบเทียบย้อนหลังไปเมื่อประมาณสามปีก่อน ราคาโกโก้พุ่งขึ้นมาแล้วถึง 230.9%  เพราะราคาเพียงแค่ 2,374 ดอลลาร์ในปี 2022


เพราะอะไรโกโก้ถึงมีราคาแพงขึ้น ที่ผ่านราคาโกโก้ในตลาดโลก ได้พุ่งทะยานทำนิวไฮ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องมาหลายปี  สาเหตุหลักมาจากปัญหาโลกรวน สภาพอากาศเลวร้าย โดยเฉพาะในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ ทางแอฟริกาตะวันตก และยังมีการแพร่ระบาดของศัตรูพืช และข้อจำกัดด้านอุปทานในภูมิภาค ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้มีผลต่อราคา เพราะเป็นพื้นที่ผลิตโกโก้มากถึง 75% ของทั้งโลก


ความเห็นจาก นักกลยุทธ์สินค้าเกษตรจาก J.P. Morgan บอกว่า สถานการณ์ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เรียกว่าอาการเมาค้างของอุตสาหกรรม นับตั้งแต่วันที่ราคาโกโก้พุ่งทะยานขึ้นในไตรมาส 4 ของปีก่อน (2024) ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดทำสถิติสูงสุดในรอบหลายสิบปี และราคาที่ขึ้นมาก็ยังคงส่งผลต่อทั้งอุตสาหกรรมมาถึงตอนนี้  เนื่องจากธุรกิจต้องแบกต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และก็ถูกส่งภาระต่อไปยังผู้ซื้อสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


นอกจากนี้ ภาวะของตลาดโกโก้กำลังมีความขาดดุลอย่างต่อเนื่อง  จากผลผลิตเมล็ดโกโก้ที่ลดลงไป และการหดตัวของสินค้าสำเร็จรูป ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้ราคาอยู่ในระดับสูง และอาจทำให้ช็อกโกแลตกลายเป็นสินค้าที่มีราคาแพงอย่างต่อเนื่องไปอีกนานแสนนานได้เลยทีเดียว


ขณะที่แนวโน้มราคาโกโก้ในระยะสั้น แม้ภาพรวมตลาดโกโก้ยังตึงตัว แต่ J.P. Morgan ประเมินว่าอาจเริ่มเห็นสัญญาณบวกในปี 2025 โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ความต้องการจากฝั่งโรงงานเริ่มอ่อนแรงลง ขณะที่อุปทานมีแนวโน้มฟื้นตัว ทั้งจากผลผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยมากขึ้น รวมถึงต้นกล้าใหม่ในพื้นที่เพราะปลูกอย่างเอกวาดอร์และบราซิลที่เริ่มเข้าสู่ช่วงให้ผลผลิต อย่างไรก็ตาม ราคาจะยังคงสูงในเชิงโครงสร้าง โดยคาดว่าจะทรงตัวเฉลี่ยราว 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน 


แต่ในระยะยาวก็ยังต้องระวังความเสี่ยงอีกหลายด้าน เพราะอุปทานของโกโก้โลกก็จะยังคงเปราะบางอยู่ แม้สภาพอากาศในแอฟริกาตะวันตกจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม  โดยนักเศรษฐศาสตร์ด้านภูมิอากาศและสินค้าโภคภัณฑ์จาก Capital Economics ชี้ว่า ยังมีปัญหาผลผลิตเรื้อรัง เช่น โรคพืช และการลงทุนต่ำเป็นเวลานานในพื้นที่โกตดิวัวร์และกานา ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตโกโก้รายใหญ่ที่สุดของโลก


นอกจากนี้ ยังไปเจอกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ   เช่น ในสหราชอาณาจักร ธุรกิจเผชิญกับต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำและการเพิ่มเงินสมทบของลูกจ้าง ขณะที่ในสหรัฐฯ ก็มีเรื่องมาตรการภาษีศุลกากร 

สรุปข่าว

จับตา ราคาโกโก้ยังแพงขึ้นอีก ? ราคาของโกโก้ในตลาดโลก ผ่านมาเพียงแค่สามปีราคาพุ่งไปแล้วถึง 230% กระทบไปถึงราคาของขนมหวานอย่างช็อกโกแลต เช่น ในอังกฤษแพงขึ้นมาแล้ว 11% ในอเมริกาขึ้นมา 12 % สาเหตุมาจากภาวะโลกรวน สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การเพาะปลูกในพื้นที่หลักมีปัญหา แต่ในขณะเดียวกันแม้ราคาโกโก้จะแพงขึ้นแค่ไหน แต่เกษตรกรผู้ปลูกก็ไม่ได้รวยขึ้นตามไปด้วย จนทำให้เกิดปัญหาลักลอบหรือขโมยโกโก้ออกนอกประเทศ

ราคาโกโก้ตลาดโลก ผ่านมา 3 ปี ราคาขึ้นไปแล้วถึง 230% กระทบราคาช็อกโกแลต เช่น อังกฤษแพงขึ้น 11% อเมริกาบวก12 %


สินค้าช็อกโกแลตเป็นหมวดที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในซูเปอร์มาร์เก็ต  จากข้อมูลจากการสำรวจในปี 2024 ขององค์กรผู้บริโภคสหราชอาณาจักร การสำรวจพบว่า ราคาของช็อกโกแลตปรับเพิ่มเฉลี่ยถึง 11% จากปีก่อน ขณะที่ในสหรัฐฯ ขนมชื่อดังอย่าง Hershey’s Kisses ก็มีราคาที่แพงขึ้นประมาณ 12% เมื่อเทียบปีต่อปี และที่สำคัญ คือ ราคาของขนมหวานอย่างช็อกโกแลต ยังมีโอกาสที่จะแพงขึ้นไปมากกว่านี้อีกในอนาคต เพราะราคาของวัตถุดิบหลัก อย่างโกโก้ ที่ยังพุ่งทะยานเป็นขาขี้นไม่หยุด 


บริษัทผลิตช็อกโกแลตชื่อดังของโลก Lindt & Sprüngli โดย  Adalbert Lechner ซีอีโอของบริษัท ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ระบุว่าบอกว่า เขาไม่เชื่อว่าราคาโกโก้จะกลับมามีราคาถูกเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไปแล้ว เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่ความผันผวนเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นการสะท้อนถึง “โครงสร้างใหม่ของตลาด” ที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคเองต้องทำใจ ปรับตัวรับมือในระยะยาวให้ได้ 


CNBC รายงานว่า แม้ว่าราคาฟิวเจอร์สโกโก้จะเริ่มอ่อนตัวลงในปีนี้ (2025) จากช่วงต้นปี มกราคม อยู่ที่ประมาณ 8,177 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (หรือราว 266,979 บาท) ขยับลงมาเหลือที่ประมาณ 7,855 ดอลลาร์ต่อตัน (หรือราว 256,465 บาท) ในเดือนสิงหาคม แม้ฟังดูเหมือนดี เพราะราคาถูกลง แต่หากเราเทียบกับราคาในอดีต ตัวเลขนี้ก็ยังถือว่าสูงมาก และหากคิดเปรียบเทียบย้อนหลังไปเมื่อประมาณสามปีก่อน ราคาโกโก้พุ่งขึ้นมาแล้วถึง 230.9%  เพราะราคาเพียงแค่ 2,374 ดอลลาร์ในปี 2022


เพราะอะไรโกโก้ถึงมีราคาแพงขึ้น ที่ผ่านราคาโกโก้ในตลาดโลก ได้พุ่งทะยานทำนิวไฮ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องมาหลายปี  สาเหตุหลักมาจากปัญหาโลกรวน สภาพอากาศเลวร้าย โดยเฉพาะในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ ทางแอฟริกาตะวันตก และยังมีการแพร่ระบาดของศัตรูพืช และข้อจำกัดด้านอุปทานในภูมิภาค ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้มีผลต่อราคา เพราะเป็นพื้นที่ผลิตโกโก้มากถึง 75% ของทั้งโลก


ความเห็นจาก นักกลยุทธ์สินค้าเกษตรจาก J.P. Morgan บอกว่า สถานการณ์ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เรียกว่าอาการเมาค้างของอุตสาหกรรม นับตั้งแต่วันที่ราคาโกโก้พุ่งทะยานขึ้นในไตรมาส 4 ของปีก่อน (2024) ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดทำสถิติสูงสุดในรอบหลายสิบปี และราคาที่ขึ้นมาก็ยังคงส่งผลต่อทั้งอุตสาหกรรมมาถึงตอนนี้  เนื่องจากธุรกิจต้องแบกต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และก็ถูกส่งภาระต่อไปยังผู้ซื้อสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


นอกจากนี้ ภาวะของตลาดโกโก้กำลังมีความขาดดุลอย่างต่อเนื่อง  จากผลผลิตเมล็ดโกโก้ที่ลดลงไป และการหดตัวของสินค้าสำเร็จรูป ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้ราคาอยู่ในระดับสูง และอาจทำให้ช็อกโกแลตกลายเป็นสินค้าที่มีราคาแพงอย่างต่อเนื่องไปอีกนานแสนนานได้เลยทีเดียว


ขณะที่แนวโน้มราคาโกโก้ในระยะสั้น แม้ภาพรวมตลาดโกโก้ยังตึงตัว แต่ J.P. Morgan ประเมินว่าอาจเริ่มเห็นสัญญาณบวกในปี 2025 โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ความต้องการจากฝั่งโรงงานเริ่มอ่อนแรงลง ขณะที่อุปทานมีแนวโน้มฟื้นตัว ทั้งจากผลผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยมากขึ้น รวมถึงต้นกล้าใหม่ในพื้นที่เพราะปลูกอย่างเอกวาดอร์และบราซิลที่เริ่มเข้าสู่ช่วงให้ผลผลิต อย่างไรก็ตาม ราคาจะยังคงสูงในเชิงโครงสร้าง โดยคาดว่าจะทรงตัวเฉลี่ยราว 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน 


แต่ในระยะยาวก็ยังต้องระวังความเสี่ยงอีกหลายด้าน เพราะอุปทานของโกโก้โลกก็จะยังคงเปราะบางอยู่ แม้สภาพอากาศในแอฟริกาตะวันตกจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม  โดยนักเศรษฐศาสตร์ด้านภูมิอากาศและสินค้าโภคภัณฑ์จาก Capital Economics ชี้ว่า ยังมีปัญหาผลผลิตเรื้อรัง เช่น โรคพืช และการลงทุนต่ำเป็นเวลานานในพื้นที่โกตดิวัวร์และกานา ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตโกโก้รายใหญ่ที่สุดของโลก


นอกจากนี้ ยังไปเจอกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ   เช่น ในสหราชอาณาจักร ธุรกิจเผชิญกับต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำและการเพิ่มเงินสมทบของลูกจ้าง ขณะที่ในสหรัฐฯ ก็มีเรื่องมาตรการภาษีศุลกากร 

โกโก้จะแพงแค่ไหน แต่เกษตรกรรายย่อย หรือคนที่ปลูกก็ไม่ได้รวยขึ้นตามไปด้วย 


ราคาโกโก้ในตลาดโลกพุ่งสูง แต่เกษตรกรรายย่อยที่เป็นคนปลูกโกโก้ยังคงไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร โดยเฉพาะในพื้นที่แอฟริกา อย่าง กานาและโกตดิวัวร์ 2 ชาติ รวมกันคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของผลผลิตโลก ยังคงมีการซื้อขายโดยใช้ระบบการกำหนดราคาที่ควบคุมโดยรัฐ ทำให้พวกเขายังคงขายโกโก้ได้เพียงสี่ถึงห้าพันดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ราคาบนกระดานซื้อขายสูงกว่านั้นเกือบสองเท่า และส่งผลให้ชาวไร่จำนวนมากเจอกับปัญหาความยากจนรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต และความเหลื่อมล้ำของราคาที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลทำให้เกิดการลักลอบส่งออกโกโก้ข้ามพรมแดนเป็นจำนวนมหาศาล มีรายงานชี้ว่ามีโกโก้ถูกลักลอบออกไปมากกว่า 350,000 ตันในฤดูกาลเดียว สร้างความเสียหายต่อรายได้ภาครัฐอย่างหนัก เพราะทั้งสองประเทศต้องพึ่งพาเงินตราต่างประเทศจากการส่งออกเพื่อชำระหนี้และใช้จ่ายงบประมาณ


ขณะเดียวกัน ราคาที่แพงขึ้นก็ไปกระทบต่อการบริโภคช็อกโกแลต ที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่อย่าง Hershey’s และ Lindt มีการปรับกลยุทธ์ทั้งการขึ้นราคาและการหดขนาดสินค้า หรือการใช้กลยุทธ์ “shrinkflation” จ่ายเท่าเดิมแต่ได้ช็อกโกแลตในปริมาณน้อยลง แต่ที่ราคาช็อกโกแลตแพงขึ้นเรื่อยๆ หลายสิบเปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาไม่ถึงปี ก็ทำให้คนเริ่มตัดใจซื้อกินน้อยลง หรือเปลี่ยนรูแบบไป เช่น  ผลสำรวจหลายแห่งเริ่มบอกตรงกันว่าผู้บริโภคในยุโรปและสหรัฐกำลังลดการซื้อช็อกโกแลตระดับพรีเมียม และหันไปหาผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนโกโก้น้อยลงหรือแทนที่ด้วยขนมหวานรูปแบบอื่นทดแทน


หากย้อนมองประวัติศาสตร์ เราจะพบว่าตลาดโกโก้เคยเผชิญความผันผวนมาแล้วหลายครั้ง เช่นในทศวรรษ 1970 ที่ราคาพุ่งสูงจากความต้องการในยุโรปและสหรัฐฯ แต่ก็ร่วงลงอย่างรวดเร็วเมื่อผลผลิตเพิ่มขึ้น หรือในช่วงปี 2002–2003 ที่ความไม่สงบทางการเมืองในโกตดิวัวร์ทำให้ราคาพุ่งขึ้นเกือบสองเท่าในเวลาอันสั้น ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ระดับปกติอีกครั้ง เหตุการณ์เหล่านี้สอนให้ตลาดรู้ว่า ความยั่งยืนของราคาโกโก้ไม่เคยเกิดขึ้นได้หากปราศจากการบริหารจัดการที่ดีของทั้งประเทศผู้ผลิตและบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ซื้อ 


ในแง่ผู้บริโภค ความต้องการช็อกโกแลตทั่วโลกยังคงเติบโต โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่อย่างจีนและอินเดียที่ชนชั้นกลางมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจาก Euromonitor ชี้ว่า ยอดขายช็อกโกแลตในจีนเติบโตเฉลี่ยปีละเกือบ 6% ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะขยายต่อเนื่อง แต่ว่าการที่ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น อาจทำให้การขยายตลาดเหล่านี้ชะลอตัวลง หากบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่สามารถหาวิธีรักษาระดับราคาขายที่ผู้บริโภคยอมรับได้


เมื่อมองไปข้างหน้า นักวิเคราะห์บางฝ่ายมองว่าหากราคาโกโก้ยังคงทรงตัวสูงเกิน 8,000–10,000 ดอลลาร์ต่อตันเป็นเวลานาน โลกอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมช็อกโกแลต ผู้ผลิตอาจหันไปทดลองใช้วัตถุดิบทดแทน เช่น คารอบ หรือแม้แต่โปรตีนจากพืชที่เลียนแบบรสโกโก้เพื่อผสมในผลิตภัณฑ์ ขณะเดียวกันก็จะเกิดการลงทุนวิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ในประเทศผู้ปลูกโกโก้ รวมถึงการนำเทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาช่วยปรับปรุงพันธุ์พืช แต่ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลา 

ที่มาข้อมูล : Reuters Bloomberg BBC

ที่มารูปภาพ : Freepik TNN