“การันไทยที” จากสูตรชาไทยของแม่ สู่แบรนด์พรีเมียมและตัวตนชัดเจน

รายการ Wealth Idol พาผู้ชมมารู้จักกับ คุณรัส  Founder แบรนด์การันไทยที นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงของไทย ด้วยไอเดียที่ไม่เพียงแค่ขายชาไทย แต่ขาย “ประสบการณ์และคุณค่า” ที่เชื่อมโยงกับอารมณ์ของผู้บริโภค  

การันต์ไทยทีเริ่มจาก “สูตรชาไทยของคุณแม่” ที่ดื่มกันในบ้านจนญาติ-เพื่อนติดใจ คุณรัตน์จึงตัดสินใจพาสูตรนี้ออกจากครัว ไปสู่แบรนด์จริงบนชั้นวาง แต่ไม่ใช่การเปิดร้านตามกระแส เธอเลือกวิธี “ทำการบ้านหนัก” รีเสิร์ชเชิงลึกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมาย ความยอมรับด้านราคา ไปจนถึงจุดที่ผู้เล่นเดิมยังไม่ตอบโจทย์ ผลคือการวางตำแหน่งแบรนด์ให้ชัด: ชาไทยพรีเมียมที่อธิบายเหตุผลของราคาได้ด้วยคุณภาพ วัตถุดิบ และประสบการณ์โดยรวม

สรุปข่าว

การันต์ไทยทีพิสูจน์ว่า “แบรนด์ยั่งยืน” ไม่ได้มาจากการตามกระแส แต่มาจากการแก้ปัญหาจริงให้คนกลุ่มหนึ่งได้อย่างดีเยี่ยม ยืนบนคุณภาพที่คงเส้นคงวา สื่อสารคุณค่าอย่างตรงใจ และสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้าภูมิใจเมื่อถือแบรนด์นั้น ๆ เมื่อผสานจุดยืน + รีเสิร์ช + วินัย แบรนด์เล็กจากสูตรคุณแม่จึงขยายเป็นอีโคซิสเต็มที่ไปได้ไกล ทั้งในไทยและต่างประเทศเติบโต “แบบมั่นคง”

รายการ Wealth Idol พาผู้ชมมารู้จักกับ คุณรัส  Founder แบรนด์การันไทยที นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงของไทย ด้วยไอเดียที่ไม่เพียงแค่ขายชาไทย แต่ขาย “ประสบการณ์และคุณค่า” ที่เชื่อมโยงกับอารมณ์ของผู้บริโภค  

การันต์ไทยทีเริ่มจาก “สูตรชาไทยของคุณแม่” ที่ดื่มกันในบ้านจนญาติ-เพื่อนติดใจ คุณรัตน์จึงตัดสินใจพาสูตรนี้ออกจากครัว ไปสู่แบรนด์จริงบนชั้นวาง แต่ไม่ใช่การเปิดร้านตามกระแส เธอเลือกวิธี “ทำการบ้านหนัก” รีเสิร์ชเชิงลึกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมาย ความยอมรับด้านราคา ไปจนถึงจุดที่ผู้เล่นเดิมยังไม่ตอบโจทย์ ผลคือการวางตำแหน่งแบรนด์ให้ชัด: ชาไทยพรีเมียมที่อธิบายเหตุผลของราคาได้ด้วยคุณภาพ วัตถุดิบ และประสบการณ์โดยรวม

อุปสรรคแรกไม่ใช่รสชาติ แต่คือ “การสื่อสารคุณค่า” เพราะตลาดคุ้นกับชาไทยแก้วละ 25–30 บาท การันต์จึงต้องสร้างเหตุผลให้ลูกค้าเข้าใจว่าราคาใหม่สมเหตุสมผล ทั้งจากคุณภาพใบชา-ส่วนผสม ไปจนถึงมาตรฐานรสชาติระดับโรงครัวกลางที่ “คงที่ทุกแบทช์” สิ่งนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อถือได้ ไม่ต้องลุ้นว่าแก้วนี้จะอร่อยเท่าแก้วก่อนหรือไม่

หัวใจอีกข้อคือ “อารมณ์ความรู้สึก” (emotional strategy): ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่เครื่องดื่ม แต่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นเมื่อถือแบรนด์หนึ่งแบรนด์ การันต์จึงออกแบบองค์ประกอบทุกจุดให้เกิดภาพจำ—ตั้งแต่หน้าตาร้าน บรรยากาศ แพ็กเกจจิ้งที่ “ให้เป็นของฝากได้จริง” ไปจนถึงสินค้ารูปแบบขวด ผลลัพธ์คือการเชื่อมต่อกับลูกค้าในระดับความรู้สึกและความภาคภูมิใจในความเป็น “ชาไทยที่ดูชีคและพรีเมียม”

กลยุทธ์สินค้าเน้น “Endless Possibilities of Thai Tea”—ต่อยอดชาไทยให้ไปได้ไกลกว่าเมนูกลางร้าน มีตั้งแต่เจลาโต้ ทีรามิสุชาไทย ไปจนถึงเมนูตามรสนิยมของตลาดเป้าหมาย โดยยังรักษา “ชาไทยเป็นแกนกลาง” เพื่อไม่หลุดแกนตัวตน ปัจจุบันสาขาในไทยเติบโตสู่ราว 15 แห่ง (และกำลังขยาย) จุดยืนชัดเจนทำให้เป็นที่รู้จักในนักท่องเที่ยวเอเชีย—มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน และการขยายต่างประเทศกำลังเดินหน้า

นอกจาก “การันต์” บริษัทยังแตกแบรนด์ใหม่เพื่อขยายพอร์ต

เช่น “เจริญสังขยา” (น้องใหม่ที่กำลังพัฒนา), “Summer Bowl” และ “Averywong” ชานมสูตรใบชาคัสตอม ทั้งหมดสะท้อน “สูตรการเติบโตบนข้อมูล”

ทุกแบรนด์เกิดจากรีเสิร์ชตลาดจริง ไม่ใช่ความรู้สึกล้วน ๆ

บทเรียนผู้ประกอบการจากคุณรัตน์มี 3 แกน: 

(1) จุดยืนชัด—เราเป็นใคร ลูกค้าเราเป็นใคร

 (2) Research ต่อเนื่อง—ไม่ใช่แค่ก่อนเริ่ม แต่ทำตลอดทางเพื่อขยายอย่างมั่นใจ และ

 (3) วินัย-ความขยัน—พลังที่พาให้ทุกอย่างเดินได้จริง

คุณรัสเลือกออนไลน์เพื่อพลังการตลาด เลือกคุณภาพเหนือราคา เลือกต่างประเทศเพื่อสเกล เลือกลงทุน “ธุรกิจ” ที่ถนัด และสุดท้าย เลือก “ความมั่นคง” เป็นเป้าหมายสูงสุดของการเติบโต

ทิศทางข้างหน้า การันต์ยังเชื่อในศักยภาพไทย เพราะ “อาหาร-เครื่องดื่มคือวัฒนธรรมที่คนมาไทยต้องสัมผัส” กลยุทธ์จึงคือพา “ชาไทยคุณภาพเดิม” ไปปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น (local blend) เพื่อให้ทั้งคนพื้นที่และนักท่องเที่ยว “รู้สึกใช่” ในทันที

และปีนี้ แบรนด์เตรียมเปิดประเทศแรกตัวอักษร “H” เป็นหมุดหมายสำคัญของการเดินทางสู่เวทีต่างประเทศ

ที่มาข้อมูล : รายการ wealth idol

ที่มารูปภาพ : canvas