“พาวเวล” ชี้หั่นดอกเบี้ย บริหารเสี่ยงเศรษฐกิจ เตือนเงินเฟ้อยาวถึงปี 2569 ส่งสัญญาณลดอีก 2 ครั้งปีนี้

“พาวเวล” มีมติหั่นดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 4.00–4.25% พร้อมส่งสัญญาณลดต่ออีก 2 ครั้งภายในปีนี้ ชี้ตลาดแรงงานเริ่มชะลอ เตือนแรงกดดันเงินเฟ้อจากราคาสินค้าลากยาวถึงปี 2569
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณสำคัญต่อนักลงทุนเมื่อวันพุธ (17 กันยายน 2568) หลังมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% พร้อมระบุว่าอาจปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปี 2568
การตัดสินใจล่าสุดมีเสียงคัดค้านเพียงหนึ่งเสียงจาก นายสตีเฟน มิแรน กรรมการเฟดซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง อย่างไรก็ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) สำหรับปีหน้ามีความแตกต่างมากขึ้น โดยการคาดการณ์ที่เรียกว่า “ดอทพล็อต” (dot-plot) ชี้ว่ามีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง แต่สมาชิกบางส่วนเห็นว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยได้ถึง 3 ครั้งในปี 2569
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการแถลงข่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) สะท้อนถึงความต้องการที่จะควบคุมความเสี่ยงที่มีต่อเศรษฐกิจ เป็นการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อบริหารความเสี่ยง และภาพรวมของความเสี่ยงในปัจจุบันแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างมาก เนื่องจากตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว เมื่อเทียบกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
สำหรับที่ผ่านมาเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง ขณะเดียวกันพาวเวลแสดงความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์นำมาใช้ อาจทำให้ราคาสินค้าเร่งตัวขึ้น
พาวเวลกล่าวว่า บริษัทต่าง ๆ ได้ส่งผ่านต้นทุนจากภาษีศุลกากรไปให้กับผู้บริโภคอย่างช้า ๆ แต่เขาคาดว่าผลกระทบจะเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงปีหน้า โดยเขากล่าวว่า “เราเริ่มเห็นราคาสินค้าทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และจริง ๆ แล้วการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้ามีส่วนทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเกือบทั้งหมดปรับตัวสูงขึ้น หรืออาจจะเป็นสาเหตุทั้งหมดของการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อตลอดทั้งปีนี้ ผลกระทบเหล่านั้นยังไม่มากนักในตอนนี้ และเราคาดว่าผลกระทบจะยังคงเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จนถึงปีหน้า”
ขณะที่แรงกดดันจากผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น แต่พาวเวลกล่าวว่ามีการสนับสนุนเพียงเล็กน้อยสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในการประชุมรอบนี้
“ในการประชุมครั้งนี้ ไม่มีการสนับสนุนเป็นวงกว้างให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ผมคิดว่าเราได้ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่แล้วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเรามักจะทำเช่นนั้นในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่านโยบายไม่เหมาะสมและจำเป็นต้องเปลี่ยนไปสู่จุดใหม่โดยเร็ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนี้อย่างแน่นอน และผมเชื่อว่านโยบายที่ดำเนินมาในปีนี้นั้นเหมาะสมแล้ว”
ดังนั้นเฟดจึงเลือกที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
สรุปข่าว
“พาวเวล” มีมติหั่นดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 4.00–4.25% พร้อมส่งสัญญาณลดต่ออีก 2 ครั้งภายในปีนี้ ชี้ตลาดแรงงานเริ่มชะลอ เตือนแรงกดดันเงินเฟ้อจากราคาสินค้าลากยาวถึงปี 2569
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณสำคัญต่อนักลงทุนเมื่อวันพุธ (17 กันยายน 2568) หลังมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% พร้อมระบุว่าอาจปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปี 2568
การตัดสินใจล่าสุดมีเสียงคัดค้านเพียงหนึ่งเสียงจาก นายสตีเฟน มิแรน กรรมการเฟดซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง อย่างไรก็ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) สำหรับปีหน้ามีความแตกต่างมากขึ้น โดยการคาดการณ์ที่เรียกว่า “ดอทพล็อต” (dot-plot) ชี้ว่ามีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง แต่สมาชิกบางส่วนเห็นว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยได้ถึง 3 ครั้งในปี 2569
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการแถลงข่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) สะท้อนถึงความต้องการที่จะควบคุมความเสี่ยงที่มีต่อเศรษฐกิจ เป็นการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อบริหารความเสี่ยง และภาพรวมของความเสี่ยงในปัจจุบันแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างมาก เนื่องจากตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว เมื่อเทียบกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
สำหรับที่ผ่านมาเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง ขณะเดียวกันพาวเวลแสดงความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์นำมาใช้ อาจทำให้ราคาสินค้าเร่งตัวขึ้น
พาวเวลกล่าวว่า บริษัทต่าง ๆ ได้ส่งผ่านต้นทุนจากภาษีศุลกากรไปให้กับผู้บริโภคอย่างช้า ๆ แต่เขาคาดว่าผลกระทบจะเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงปีหน้า โดยเขากล่าวว่า “เราเริ่มเห็นราคาสินค้าทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และจริง ๆ แล้วการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้ามีส่วนทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเกือบทั้งหมดปรับตัวสูงขึ้น หรืออาจจะเป็นสาเหตุทั้งหมดของการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อตลอดทั้งปีนี้ ผลกระทบเหล่านั้นยังไม่มากนักในตอนนี้ และเราคาดว่าผลกระทบจะยังคงเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จนถึงปีหน้า”
ขณะที่แรงกดดันจากผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น แต่พาวเวลกล่าวว่ามีการสนับสนุนเพียงเล็กน้อยสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในการประชุมรอบนี้
“ในการประชุมครั้งนี้ ไม่มีการสนับสนุนเป็นวงกว้างให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ผมคิดว่าเราได้ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่แล้วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเรามักจะทำเช่นนั้นในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่านโยบายไม่เหมาะสมและจำเป็นต้องเปลี่ยนไปสู่จุดใหม่โดยเร็ว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนี้อย่างแน่นอน และผมเชื่อว่านโยบายที่ดำเนินมาในปีนี้นั้นเหมาะสมแล้ว”
ดังนั้นเฟดจึงเลือกที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
เปิดรายละเอียด : แถลงการณ์ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เดือนกันยายน 2568
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 17 กันยายน 2568 ตามเวลาสหรัฐฯ โดยระบุว่า ข้อมูลที่เฟดได้รับเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่การจ้างงานชะลอตัวลง และอัตราว่างงานปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาว ส่วนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง และคณะกรรมการยังคงให้ความสนใจกับความเสี่ยงที่จะมีต่อ Dual Mandate ของเฟด คือการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ขณะเดียวกันคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าความเสี่ยงที่ตลาดแรงงานจะอยู่ในช่วงขาลงนั้น มีมากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ส่วนในการพิจารณาเรื่องขนาดและเวลาของการปรับช่วงเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพิ่มเติมนั้น คณะกรรมการจะใช้ความระมัดระวังในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า รวมทั้งแนวโน้มของพัฒนาการทางเศรษฐกิจ และสมดุลของความเสี่ยง คณะกรรมการจะยังคงปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) นอกจากนี้ คณะกรรมการมีความมุ่งมั่นอย่างมากในการสนับสนุนการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
ส่วนในการประเมินแนวทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการฯ จะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ จะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ของคณะกรรมการฯ โดยคณะกรรมการฯ จะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศ
สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด,ไมเคิล เอส บาร์, มิเชล ดับเบิลยู โบว์แมน, ซูซาน เอ็ม คอลลินส์, ลิซา ดี คุก, ออสติน ดี กูลส์บี, ฟิลิป เอ็น เจฟเฟอร์สัน, อัลเบอร์โต จี มูซาเลม, เจฟฟรีย์ อาร์ ชมิด และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์
ส่วนกรรมการที่คัดค้านการดำเนินนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้คือ สตีเฟน ไอ มิแรน โดยเขาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
ที่มาข้อมูล : CNBC Reuters FOMC
ที่มารูปภาพ : Gettyimages
