“พาณิชย์” เตือนร้านค้า “คนละครึ่งพลัส” ต้องติดป้ายราคาสุทธิ ห้ามโกงบวก VAT เพิ่มทีหลัง

Share on Line Share on Facebook Share on X
“พาณิชย์” เตือนร้านค้า “คนละครึ่งพลัส” ต้องติดป้ายราคาสุทธิ ห้ามโกงบวก VAT เพิ่มทีหลัง

“พาณิชย์” เตือนร้านค้า “คนละครึ่งพลัส” ติดป้ายราคาสุทธิ ห้ามโกงบวก VAT เพิ่มทีหลัง 


นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประชุมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ และให้คำแนะนำร้านค้าทุกราย โดยเน้นย้ำว่าร้านค้าต้องติดป้ายแสดง “ราคาจำหน่ายสุดท้าย” ที่รวมภาษีไว้แล้ว ซึ่งหากร้านอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ราคาสินค้าทุกรายการต้องแสดงราคาจำหน่ายที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ไว้แล้ว


โดยหากร้านค้าที่เป็นร้านอาหาร จะต้องมีการแสดงราคาอาหาร และหากมีรายการค่าใช้จ่ายอื่นก็ต้องแสดงไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้เปรียบเทียบก่อนซื้อสินค้าหรือเข้ารับบริการ และกรณีร้านค้าที่เข้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ร้านค้าต้องจำหน่ายสินค้าในราคาที่เท่ากัน ทั้งผู้ใช้สิทธิ์คนละครึ่ง และผู้ชำระเงินสด เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคทุกกลุ่ม


นายวิทยากร กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2568 กรมการค้าภายใน ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศ 112 เรื่อง ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร, การไม่ติดป้ายราคา, การคิดราคาสินค้าเพิ่มเมื่อใช้สิทธิ์คนละครึ่ง และการแสดงราคาจำหน่ายปลีกไม่ตรงกับราคาที่จำหน่าย ขณะที่กรณีร้องเรียนเรียกเก็บ VAT เพิ่มเติมจากราคาที่ติดป้ายแสดง ถือเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายเอาเปรียบประชาชน และต้องถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวด


นายวิทยากร กล่าวว่า กรมฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่ถูกร้องเรียนในพื้นที่ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่สายตรวจได้มีการล่อซื้อสินค้าจากร้านค้า และพบพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงขึ้น เมื่อจะใช้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งพลัส และยังมีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย


เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ฉบับที่ 68 พ.ศ. 2568 ข้อ 3 และข้อ 11 เข้าข่ายผิดตามมาตรา 28 และมีโทษตามมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 พร้อมปรับเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท

สรุปข่าว

“พาณิชย์” เตือนร้านค้า “คนละครึ่งพลัส” ติดป้ายราคาสุทธิ ห้ามโกงบวก VAT เพิ่มทีหลัง

“พาณิชย์” เตือนร้านค้า “คนละครึ่งพลัส” ติดป้ายราคาสุทธิ ห้ามโกงบวก VAT เพิ่มทีหลัง 


นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประชุมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ และให้คำแนะนำร้านค้าทุกราย โดยเน้นย้ำว่าร้านค้าต้องติดป้ายแสดง “ราคาจำหน่ายสุดท้าย” ที่รวมภาษีไว้แล้ว ซึ่งหากร้านอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ราคาสินค้าทุกรายการต้องแสดงราคาจำหน่ายที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ไว้แล้ว


โดยหากร้านค้าที่เป็นร้านอาหาร จะต้องมีการแสดงราคาอาหาร และหากมีรายการค่าใช้จ่ายอื่นก็ต้องแสดงไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้เปรียบเทียบก่อนซื้อสินค้าหรือเข้ารับบริการ และกรณีร้านค้าที่เข้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ร้านค้าต้องจำหน่ายสินค้าในราคาที่เท่ากัน ทั้งผู้ใช้สิทธิ์คนละครึ่ง และผู้ชำระเงินสด เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคทุกกลุ่ม


นายวิทยากร กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2568 กรมการค้าภายใน ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศ 112 เรื่อง ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร, การไม่ติดป้ายราคา, การคิดราคาสินค้าเพิ่มเมื่อใช้สิทธิ์คนละครึ่ง และการแสดงราคาจำหน่ายปลีกไม่ตรงกับราคาที่จำหน่าย ขณะที่กรณีร้องเรียนเรียกเก็บ VAT เพิ่มเติมจากราคาที่ติดป้ายแสดง ถือเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายเอาเปรียบประชาชน และต้องถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวด


นายวิทยากร กล่าวว่า กรมฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่ถูกร้องเรียนในพื้นที่ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่สายตรวจได้มีการล่อซื้อสินค้าจากร้านค้า และพบพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงขึ้น เมื่อจะใช้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งพลัส และยังมีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย


เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ฉบับที่ 68 พ.ศ. 2568 ข้อ 3 และข้อ 11 เข้าข่ายผิดตามมาตรา 28 และมีโทษตามมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 พร้อมปรับเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท

ส่วนในจังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจสอบขยายผลจากการร้องเรียน พบว่าร้านค้ายอมรับว่ามีการคิดราคาจำหน่ายสินค้า โดยบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากประชาชนอีก 7% เพิ่มจากราคาป้ายแสดงราคา โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด แจ้งข้อหาจำหน่ายสินค้าไม่ตรงกับป้ายราคาที่แสดง และปรับเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท พร้อมชี้แจงแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งร้านค้าได้รับว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง


นอกจากนี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ได้ตรวจสอบร้านค้าธงฟ้าฯ แห่งหนึ่ง ใน ต.แดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบว่ามีการรับแลกสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเงินสด ทั้งที่ร้านปิดกิจการมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ซึ่งเข้าข่ายผิดเงื่อนไขโครงการ เจ้าหน้าที่ได้เพิกถอนสิทธิ์เข้าร่วมโครงการร้านธงฟ้า และแจ้งกรมบัญชีกลางระงับการใช้งานแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ทันที เพื่อป้องกันการนำสิทธิ์ของประชาชนไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง


นายวิทยากร กล่าวว่า ในส่วนของร้านค้าที่เป็นร้านค้าธงฟ้าฯ ทุกแห่ง ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของกรมการค้าภายใน และ “กฎเหล็กร้านธงฟ้า” อย่างเคร่งครัดด้วย ได้แก่ ห้ามแลกสิทธิสวัสดิการเป็นเงินสด ห้ามบังคับซื้อสินค้า ห้ามขายเกินราคา หรือฉวยโอกาสขึ้นราคา ห้ามจำหน่ายสุรา บุหรี่ เบียร์ และห้ามปฏิเสธการใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ หากฝ่าฝืน จะถูกเพิกถอนสิทธิ์เข้าร่วมโครงการทันที


อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ยังคงติดตาม ตรวจสอบ และให้ความรู้แก่ร้านค้าทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ปฏิบัติได้ถูกต้องและป้องกันปัญหาความเข้าใจกฎหมายคลาดเคลื่อน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค 


ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นร้านค้าฝ่าฝืน ไม่ติดป้ายแสดงราคาจำหน่าย หรือคิดราคาไม่ตรงป้าย หรือฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า สามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันรักษาความเป็นธรรมทางการค้า และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนอย่างทั่วถึง

ที่มาข้อมูล : กระทรวงพาณิชย์

ที่มารูปภาพ : TNN