
เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่แฟนๆ ของ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ต้องผิดหวังกันไปอีกครั้ง หลังไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรมาครองได้เลย ในฤดูกาล 2024-25 ที่กำลังจะปิดฉากลงในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคมนี้
ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ต้องจบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่พวกเขาต้องเป็นแค่พระรอง
ขณะที่รายการอื่นๆ ก็น่าผิดหวัง อย่างในฟุตบอลถ้วยอย่าง เอฟเอ คัพ ที่ต้องตกรอบไปตั้งแต่รอบที่ 3 หลังพ่ายจุดโทษคาบ้านต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-5 หลังเสมอกัน 1-1 ใน 120 นาที
ที่ต้องบอกว่าน่าผิดหวังก็เพราะว่า อาร์เซน่อล ได้เล่นในบ้าน ขณะเดียวกัน แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าผลงานตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี ชนิดที่บางคนเกิดมาได้ดูและเป็นแฟนบอลของทีมปีศาจแดง ไม่เคยเห็นทีมรักของตัวเองมีผลงานในพรีเมียร์ลีกที่ห่วยแตกขนาดนี้มาก่อน
ส่วนใน คาราบาว คัพ หรือ ลีก คัพ ที่ทำท่าว่ามีโอกาสจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ก็หยุดเส้นทางไว้แค่ที่รอบรองชนะเลิศเท่านั้น หลังพ่ายให้กับทีมแชมป์ในบั้นปลายอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์รวมสองนัด 4-0
ส่วนใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดูเหมือนว่า อาร์เซน่อล อาจจะหวังความสำเร็จได้มากที่สุด เพราะพวกเขาล้มตัวเต็งอย่าง เรอัล มาดริด ได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แถมยังชนะด้วยสกอร์รวมสองนัดขาดลอย 5-1 เรียกได้ว่าความมั่นใจมาเต็ม ถึงขนาดที่ยอมผลงานแผ่วในพรีเมียร์ลีก เพราะรู้ว่าไล่ตาม ลิเวอร์พูล ไม่น่าทันแล้ว
แต่กลับกลายเป็นว่าไปตกม้าตายในรอบรองชนะเลิศ เมื่อพวกเขากลับไม่สามารถผ่านด่าน ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ทั้งๆ ที่ในรอบ ลีก เฟส เคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่ง และทีมปืนใหญ่เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-0 แต่พอมาเจอกันอีกครั้งในรอบตัดเชือก เปแอสเช ไม่ใช่ทีมเดิมไปเสียแล้ว กลายเป็นทีมที่ยิ่งเล่นยิ่งดี ก่อนทุบ อาร์เซน่อล ได้ทั้งไปและกลับ ด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-1
นั่นทำให้ อาร์เซน่อล ของ อาร์เตต้า ต้องมือเปล่าอีกครั้ง และเป็นฤดูกาลที่แฟนๆ ทีมปืนใหญ่เริ่มจะค่อยๆ หมดความอดทนกับกุนซือชาวสเปนของพวกเขา ที่ไม่สามารถพาทีมไปถึงฝั่งฝันได้เสียที ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังจะจบในตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ลีก
สรุปข่าว
เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่แฟนๆ ของ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ต้องผิดหวังกันไปอีกครั้ง หลังไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรมาครองได้เลย ในฤดูกาล 2024-25 ที่กำลังจะปิดฉากลงในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคมนี้
ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ต้องจบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่พวกเขาต้องเป็นแค่พระรอง
ขณะที่รายการอื่นๆ ก็น่าผิดหวัง อย่างในฟุตบอลถ้วยอย่าง เอฟเอ คัพ ที่ต้องตกรอบไปตั้งแต่รอบที่ 3 หลังพ่ายจุดโทษคาบ้านต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-5 หลังเสมอกัน 1-1 ใน 120 นาที
ที่ต้องบอกว่าน่าผิดหวังก็เพราะว่า อาร์เซน่อล ได้เล่นในบ้าน ขณะเดียวกัน แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าผลงานตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี ชนิดที่บางคนเกิดมาได้ดูและเป็นแฟนบอลของทีมปีศาจแดง ไม่เคยเห็นทีมรักของตัวเองมีผลงานในพรีเมียร์ลีกที่ห่วยแตกขนาดนี้มาก่อน
ส่วนใน คาราบาว คัพ หรือ ลีก คัพ ที่ทำท่าว่ามีโอกาสจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ก็หยุดเส้นทางไว้แค่ที่รอบรองชนะเลิศเท่านั้น หลังพ่ายให้กับทีมแชมป์ในบั้นปลายอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์รวมสองนัด 4-0
ส่วนใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดูเหมือนว่า อาร์เซน่อล อาจจะหวังความสำเร็จได้มากที่สุด เพราะพวกเขาล้มตัวเต็งอย่าง เรอัล มาดริด ได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แถมยังชนะด้วยสกอร์รวมสองนัดขาดลอย 5-1 เรียกได้ว่าความมั่นใจมาเต็ม ถึงขนาดที่ยอมผลงานแผ่วในพรีเมียร์ลีก เพราะรู้ว่าไล่ตาม ลิเวอร์พูล ไม่น่าทันแล้ว
แต่กลับกลายเป็นว่าไปตกม้าตายในรอบรองชนะเลิศ เมื่อพวกเขากลับไม่สามารถผ่านด่าน ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ทั้งๆ ที่ในรอบ ลีก เฟส เคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่ง และทีมปืนใหญ่เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-0 แต่พอมาเจอกันอีกครั้งในรอบตัดเชือก เปแอสเช ไม่ใช่ทีมเดิมไปเสียแล้ว กลายเป็นทีมที่ยิ่งเล่นยิ่งดี ก่อนทุบ อาร์เซน่อล ได้ทั้งไปและกลับ ด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-1
นั่นทำให้ อาร์เซน่อล ของ อาร์เตต้า ต้องมือเปล่าอีกครั้ง และเป็นฤดูกาลที่แฟนๆ ทีมปืนใหญ่เริ่มจะค่อยๆ หมดความอดทนกับกุนซือชาวสเปนของพวกเขา ที่ไม่สามารถพาทีมไปถึงฝั่งฝันได้เสียที ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังจะจบในตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ลีก
แน่นอนว่าถ้าไปถามแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด การจบฤดูกาลในอันดับสองย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแน่ๆ แต่กับแฟนบอล อาร์เซน่อล คงไม่ใช่ เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการถือโทรฟี่ ไม่ใช่แค่การได้ยืนมองถ้วยในมือคนอื่นไปวันๆ
หลังจบเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 37 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ผ่านเกมที่ยากมากเกมหนึ่งมาได้ เมื่อจัดการเปิดบ้านเฉือนชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไปหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยสุดสวยของ เดแคลน ไรซ์ ในช่วงต้นครึ่งหลัง ทำให้ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าพวกเขาจะจบในอันดับที่ 2 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะแพ้ในเกมสุดท้าย และอาจจะถูก แมนฯ ซิตี้ ทำแต้มขึ้นมาเท่ากันได้ก็ตาม แต่ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เยอะกว่าเป็น 10 ลูก น่าจะเพียงพอต่อการไม่ตกจากตำแหน่งรองแชมป์
ซึ่ง อาร์เตต้า ได้เปิดเผยหลังเกมว่ามันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่ทีมต้องจบฤดูกาลแบบไร้โทรฟี่ แต่ยังยืนยันว่าลูกทีมของเขานั้นยังกระหายในการที่จะคว้าแชมป์อยู่เหมือนเดิม
แน่นอนว่าแค่พูดใครๆ ก็พูดได้ แต่ผลงานที่ออกมาต่างหากที่จะเป็นตัวบอกว่าคุณประสบความสำเร็จหรือไม่ นั่นทำให้ อาร์เซน่อล ต้องเดิมพันอีกครั้ง กับการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้
ตำแหน่งที่ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอล อาร์เซน่อล เองหรือไม่ ต่างก็มองเห็นว่าเป็นจุดอ่อนนั่นก็คือตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า หรือเบอร์ 9 ตามธรรมชาติ ซึ่งทีมปืนใหญ่ในชุดปัจจุบันนี้ ไม่มีนักเตะในแบบโป้งปิดบัญชีอยู่
ไค ฮาแวร์ตซ์ อาจจะเล่นตรงนี้ให้ อาร์เซน่อล แต่ถามว่าเขาคือสไตรค์เกอร์ตามธรรมชาติหรือไม่ ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน ส่วนพวกที่เหลือต่างเป็นกองหน้ากึ่งปีกกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น บูคาโย่ ซาก้า, เลอันโดร ทรอสซาร์, กาเบรียล เชซุส หรือ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
ดังนั้นคนแรกๆ เลยที่ อาร์เซน่อล ต้องซื้อเข้ามาร่วมทีม คือกองหน้าตัวเป้า แต่ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้กลับเป็นกองกลางที่ก็มีใช้งานเพียงพออยู่แล้วอย่าง มาร์ติน ซูบิเมนดี้ ของ เรอัล โซเซียดาด ซะอย่างนั้น
ซูบิเมนดี้ เป็นกองกลางที่ดี และน่าจะเป็นการเสริมทัพที่ดีของ อาร์เซน่อล แต่เหมือนพวกเขาเกาไม่ถูกที่คัน อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของแฟนๆ เพราะหมายเลข 9 ต่างหาก ที่พวกเขาอยากได้ในตอนนี้
แต่การซื้อ ซูบิเมนดี้ ที่ใกล้จะเข้ามาร่วมทีมเต็มที เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะ จอร์จินโญ่ กำลังจะย้ายกลับไปเล่นที่บราซิลหลังจบซีซั่นนี้ การต้องหาใครสักคนเข้ามาแทนในแผงกลาง เพื่อให้ Squad Depth มีตัวเลือกมากพอในการสู้ศึกทั้งซีซั่น จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
อีกทั้ง อาร์เตต้า ก็ไม่ได้บอกเสียหน่อยกว่าเขาไม่ต้องการกองหน้า บางทีที่ผ่านมาที่ยังไม่ซื้อ ก็อาจจะเป็นเพราะยังไม่เจอใครที่ใช่จริงๆ ก็เป็นได้ การที่อยู่ดีๆ ต้องเสียเงินหลายสิบล้านปอนด์เพื่อเอานักเตะที่ไม่ได้ต้องการจริงๆ เข้ามา อาจจะกลายเป็นภาระของทีมมากกว่า
นั่นทำให้แฟนอาร์เซน่อลยังต้องลุ้นกันต่อไป แต่เชื่อเถอะว่าไม่ต้องลุ้นนานแน่ๆ เพราะล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีรายงานที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ว่า อาร์เซน่อล ได้เริ่มต้นเจรจากับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในการขอคว้าตัว วิคตอร์ โยเคเรส กองหน้าทีมชาติสวีเดนที่มีสถิติการถล่มประตูที่น่าทึ่งแล้ว ซึ่งคาดว่าค่าตัวจะอยู่ที่ไม่เกิน 60 ล้านปอนด์เท่านั้น หรือราว 2,670 ล้านบาท
แน่นอนว่า โยเคเรส วัย 26 ปี ที่ทำไป 53 ประตูกับอีก 13 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 51 นัดรวมทุกรายการให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในฤดูกาลนี้ และพาทีมคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสมาครองได้นั้น เป็นเหมือนเพชรยอดมงกุฎที่ใครๆ ก็อยากได้ ไม่เพียงแค่ อาร์เซน่อล แต่ยังมี แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีเจ้านานเก่าอย่าง รูเบน อาโมริม สนใจอยู่ด้วยเช่นกัน
แต่กระนั้น อาร์เซน่อล น่าจะเป็นเป้าหมายที่น่าดึงดูดกว่า เพราะเป็นทีมที่มีศักยภาพในการลุ้นแชมป์ลีกอย่างชัดเจน รวมถึงรายการอื่นๆ อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ขณะที่ทีมปีศาจแดงยังไม่รู้ว่าจะหมู่หรือจ่ากับการลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ในวันพุธที่ 21 พฤษภาคมนี้
หากว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ และได้ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก อาจจะทำให้มีโอกาสที่จะแข่งขันกับ อาร์เซน่อล ได้มากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังเชื่อว่าทีมปืนใหญ่ยังมีโอกาสที่จะคว้าตัวมากกว่าอยู่ดี
ตามรายงานระบุว่า อาร์เซน่อล มีตัวเลือกอื่นๆ อยู่ในใจอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าว่ากันตามตรง หากว่า มิเกล อาร์เตต้า อยากที่จะแข่งขันอย่างจริงๆ จังๆ ในฤดูกาลหน้า ก็ต้องไปเอากองหน้าที่มีสถิติยิง 96 ประตูจากการลงเล่น 101 เกมอย่าง โยเคเรส มาให้ได้เท่านั้น ถึงจะแสดงให้แฟนบอลได้เห็นว่าทีมยังคงมีความทะเยอทะยานอย่างเต็มเปี่ยม
มันหมดเวลาทดลองกับนักเตะที่ไม่รู้ว่าจะสร้างอิมแพคให้กับทีมได้หรือไม่แล้ว และแม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรที่รับประกันว่า โยเคเรส จะทำได้ดีเหมือนตอนที่อยู่กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน หรือไม่ แต่สถิติยิงเกือบ 100 ประตูตลอด 2 ซีซั่นที่ผ่านมาก็เป็นอะไรที่น่าลงทุนไม่น้อย และอีกอย่างก็คือมันไม่มีกองหน้าตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจเท่ากับ โยเคเรส จริงๆ ในชั่วโมงนี้
หากว่า ลิเวอร์พูล มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์, แมนฯ ซิตี้ มี เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ อาร์เซน่อล ก็ต้องมีกองหน้าอย่าง โยเคเรส เข้ามาเสริมแนวรุก มันถึงจะพอฟัดพอเหวี่ยง
จับตาดูกันให้ดี เชื่อเหลือเกินว่าถ้าไม่มีอะไรพลิกโผ กองหน้าตัวเป้าคนใหม่ที่แฟนๆ ของทีมปืนใหญ่กำลังรอคอย ก็น่าจะเป็น วิคตอร์ โยเคเรส นี่แหละ และนี่คือการเดิมพันครั้งสำคัญที่ อาร์เซน่อล จำเป็นต้องทำ หากหวังจะมีลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้มากกว่าเดิม...