
สรุปข่าว
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอธีระวัฒน์” ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับ ‘ไวน์แดงกับชีส..สมองเสื่อมชิดซ้าย’ โดยระบุว่า ข้อมูลรายงานในวารสารโรคอัลไซเมอร์ (Journal of Alzheimer’s Disease) ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2563 เปิดเผยว่าทั้งไวน์แดง และเนยแข็ง ที่เรียกว่า ชีส ช่วยลดการถดถอยของการทำงานของสมองที่เกิดขึ้น ทั้งตามอายุและในโรคได้ ซึ่งรายงานนนี้ มาจากคณะทำงานนักวิทยาศาสตร์ที่รัฐไอโอวา ของสหรัฐจากภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางอาหารและโภชนาการของมนุษย์ โดยเป็นการติดตาม กลุ่มคนจำนวน 1,787 ราย ทำการติดตาม 10 ปี ตั้งแต่อายุ 46 จนกระทั่งถึงเมื่อเสร็จสิ้นการศึกษาและวิเคราะห์ที่อายุ 77 ปี
ทั้งนี้กลุ่มคนทั้งหมดนี้อยู่ในฐานข้อมูล UK Biobank data ที่รวบรวมข้อมูลของคนประมาณครึ่งล้านคน จากศูนย์การวิจัย 22 แห่งในประเทศอังกฤษที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2006 ในระยะแรกของการเก็บข้อมูลระหว่างปี 2006 ถึง 2010 ข้อมูลทางด้านพันธุกรรม ทางด้านความสมบูรณ์หรือความบกพร่องทางสมองและปัญญารวมกระทั่งถึง วิถีการใช้ชีวิตและชนิดและประเภทของอาหารการกินต่าง ๆ ร่วมกับประมวล ข้อมูลจากการตรวจร่างกาย การตรวจเลือดและปัสสวะ และยังสาวโยงถึงประวัติการเจ็บป่วยไข้ของคนในครอบครัวทั้งหมดด้วย
หลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงแรกที่เรียกโดยสังเขปว่า Fluid Intelligence test (FIT) เป็นการเก็บข้อมูลจะทำต่อในอีกสองช่วงระยะได้แก่ในปี 2012 ถึง 2013 และช่วงปี 2015 ถึง 2016
ข้อมูลที่เก็บในเรื่องของชนิดของอาหารและประเภทยังรวมถึง ชนิดและปริมาณของแอลกอฮอล์ที่บริโภคและอาหารทั้งผักผลไม้สดหรือแห้ง สลัดหรือผักที่ปรุงสุก ปลาชนิดไขมันเยอะหรือไม่ และชนิดของเนื้อที่มีการปรุงปรับรสหรือให้เก็บไว้ได้นาน ไก่ เนื้อวัว แกะ หมู ขนมปัง ซีเรียล เนยแข็ง ชา กาแฟ เบียร์ ไวน์ขาวหรือไวน์แดงหรือแชมเปญ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ๆ บุหรี่เป็นต้น และนำมาประกบกับข้อมูลทางด้านพันธุกรรมสมองเสื่อม allele variation on rs429358 and rs7412 APOE ยังได้ทำการแยกแยะว่ามีชนิดใดบ้าง ของ ยีนสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ epsilon 4 allele (e2/e4, 3/4 และชนิด 4/4) หรือ ไม่มีเลย (2/2, 2/3, 3/3)
ผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ตามเก็บมาทั้งสามระยะ พบว่าตัวร้ายที่กระทบต่อสมองและสุขภาพ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีประวัติครอบครัวของสมองเสื่อม หรือมี ไม่มีพันธุกรรมของสมองเสื่อมก็ตาม คือ ‘เกลือ’ ทั้งนี้เราต้องไม่ลืมว่าเกลืออาจจะออกมาในรูปของความเค็ม หรือ ในรูปของสารปรุงรสต่าง ๆ
ส่วนของอาหารที่จัดว่าได้ประโยชน์สำหรับสมองได้แก่ ‘การกินเนื้อแกะ’ โดยที่ปริมาณและความถี่ที่ไม่ได้บ่อย ประมาณสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ทั้งนี้คณะผู้วิจัยได้ตั้งข้อสังเกตว่าเนื้อแกะน่าจะมีปริมาณของ กรดไขมันชนิดเดียวกับที่มีในน้ำมันมะกอก คือ oleic acid เป็นจำนวนมากและนอกจากนั้นยังมีสาร taurine carnosine coenzyme Q10 และ creatine
ในส่วนของการดื่มแอลกอฮอล์นั้น แม้ว่าคำแนะนำทั่วไปของรัฐบาลจะผ่อนผันหรือยินยอมให้ดื่มได้วันละหนึ่งถึงสองแก้ว โดยใช้แก้วมาตรฐานของเครื่องดื่มแต่ละชนิดได้ ก็ไม่ชัดเจนว่าดื่มอะไรจะเป็นที่มีประโยชน์สำหรับสมองมากกว่ากัน
คำแนะนำของประเทศสหรัฐอเมริกาเรื่องอาหารและเครื่องดื่มในปี 2020 กดลด การดื่มแอลกอฮอล์ลงไป ให้ไม่มากกว่าหนึ่งแก้วต่อวัน โดยเล็งเห็นโอกาสที่มีความสูงเสี่ยงในการติดเหล้าและในขณะเดียวกันไม่ส่งเสริมให้มีการดื่มหนักสัปดาห์ละหนึ่งหรือสองวันซึ่งจะเป็นผลร้ายมากกว่า
การศึกษานี้พบว่าการดื่มทุกวันจะมีประโยชน์ต่อสมอง มากกว่าการไม่ดื่มเลยหรือดื่มสัปดาห์ละหนึ่งครั้งหรือเดือนละครั้ง และยังพบว่า ‘การดื่มไวน์แดง’ จะได้ประโยชน์มากที่สุด ในตัวอย่างคนที่ติดตามเหล่านี้ มีที่ดื่มไวน์ถึงวันละหนึ่งขวดต่อวันด้วยซ้ำ โดยทำการขจัด ตัวแปรอื่น ๆ ที่ส่งผลในการวิเคราะห์ข้อสรุปต่าง ๆ แต่แน่นอนไม่ได้หมายความว่าส่งเสริมให้มีการดื่มในปริมาณมากขนาดนั้น
ผลของรายงานฉบับนี้ น่าจะเสริมเติมเต็มได้หลายประการ อย่างแรกกำปั้นทุบดินก็คือ ‘ความสุข’ ที่ไม่มากจนเกินเลยไปและอาจจะทำให้ปฏิสัมพันธ์ในระหว่างคนในครอบครัวหรือเพื่อนนุ่มนวลขึ้น และอย่างที่สองคือชนิดของแอลกอฮอล์น่าจะนำมาพิจารณาด้วยรวมกระทั่งถึงว่า จะดื่มนาน ๆ ครั้ง หรือทุกวัน ซึ่งทุกวันน่าจะดีกว่า
ในขณะเดียวกัน เป็นที่ต้องรับทราบว่าการควบรวมด้วยอาหารที่ถ้าทำได้ ลดเนื้อสัตว์ เนื้อแดง เนื้อที่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ และในประการสุดท้ายคือขนาดและปริมาณของ ‘เกลือ’ ต้องลดถอยลงเท่าที่จะทำได้ ร่วมกับการกินชีส บ่อย ๆ แกล้มไวน์แดง และ ผักผลไม้กากใย
เราคนไทย วิธีการกิน อาจจะเข้ากันไม่ได้กับรายงานนี้ แต่เป็นเครื่องแสดงว่า ในการศึกษาวิจัยในประเทศไทยสำหรับคนไทยต่อจากนี้ เราคงต้องให้ความสนใจกับอาหารแบบไทย ๆ สมุนไพร และจะมีข้าวหมัก หรืออื่น ๆ ที่ปู่ ย่า ตา ทวด บริโภค หรืออะไรทำนองนี้อีก ในอนาคตอันใกล้อาหารไทยน่าจะกลายเป็นอาหารสุขภาพโลกที่ดีต่อทั้งร่างกายและสมองได้ด้วยซ้ำ
ข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha
ภาพจาก : TNN ONLINE
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand