นักวิทยาศาสตร์พบอุกกาบาตที่ตกใส่หลังคาบ้านในสหรัฐฯ มีอายุเก่าแก่กว่าโลก

นักวิทยาศาสตร์พบอุกกาบาตที่ตกใส่หลังคาบ้านในสหรัฐฯ มีอายุเก่าแก่กว่าโลก

วันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์น่าตื่นตะลึงขึ้นในหลายรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เมื่อประชาชนจำนวนมากได้เห็นลูกไฟสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้าในเวลากลางวัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นได้ยากและมีความสว่างมากพอที่ดาวเทียมในวงโคจรจะสามารถตรวจจับได้ 

ในเวลาต่อมานักวิทยาศาสตร์พบว่าลูกไฟดังกล่าว คือ ดาวเคราะห์น้อยโบราณที่พุ่งทะลุชั้นบรรยากาศโลกและตกลงมาเจาะหลังคาบ้านหลังหนึ่งในเมืองแมคโดนัฟ รัฐจอร์เจีย ห่างจากผู้อยู่อาศัยเพียง 4 เมตร ทำให้มันถูกตั้งชื่อว่า "อุกกาบาตแมคโดนัฟ"

สรุปข่าว

อุกกาบาตที่พุ่งทะลุหลังคาบ้านในรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ ถูกค้นพบว่าเป็นหินอวกาศชนิดหายากอายุ 4,560 ล้านปี ซึ่งอาจเก่าแก่กว่าโลก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันแตกตัวจากดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่เมื่อ 470 ล้านปีก่อน และจะถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ต่อไป

วันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์น่าตื่นตะลึงขึ้นในหลายรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เมื่อประชาชนจำนวนมากได้เห็นลูกไฟสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้าในเวลากลางวัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นได้ยากและมีความสว่างมากพอที่ดาวเทียมในวงโคจรจะสามารถตรวจจับได้ 

ในเวลาต่อมานักวิทยาศาสตร์พบว่าลูกไฟดังกล่าว คือ ดาวเคราะห์น้อยโบราณที่พุ่งทะลุชั้นบรรยากาศโลกและตกลงมาเจาะหลังคาบ้านหลังหนึ่งในเมืองแมคโดนัฟ รัฐจอร์เจีย ห่างจากผู้อยู่อาศัยเพียง 4 เมตร ทำให้มันถูกตั้งชื่อว่า "อุกกาบาตแมคโดนัฟ"

การค้นพบและวิเคราะห์ "อุกกาบาตแมคโดนัฟ"


ชิ้นส่วนดาวเคราะห์น้อยที่ตกใส่หลังคาบ้านมีน้ำหนัก 23 กรัม และถูกส่งไปวิเคราะห์ที่มหาวิทยาลัยจอร์เจีย (UGA) โดยมีนักวิทยาศาสตร์สก็อตต์ แฮร์ริส นักวิจัยจาก UGA เป็นผู้ตรวจสอบ โดยเริ่มต้นจากการจะทำความเข้าใจประวัติศาสตร์อันยาวนานของหินก้อนนี้ โดยตรวจสอบองค์ประกอบและระบุว่ามันมาจากกลุ่มดาวเคราะห์น้อยกลุ่มใด

กระบวนการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Scanning Electron Microscopy (SEM), Mass Spectrometry และ X-ray Diffraction เพื่อตรวจสอบองค์ประกอบโดยละเอียด

ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นคาดว่า อุกกาบาตแมคโดนัฟ (McDonough meteorite) เป็นอุกกาบาตชนิด คอนไดรต์ธรรมดาที่มีโลหะต่ำ (L-type) หรือหินที่ประกอบด้วยซิลิเกตและมีโลหะเหล็กน้อย มีลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ (Chondrules) เกิดจากฝุ่นในเนบิวลาดั้งเดิม ซึ่งเป็นหินประเภทที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งในระบบสุริยะ โดยคาดว่ามันก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 4,560 ล้านปีก่อน ซึ่งอาจทำให้มันมีอายุมากกว่าโลกของเราเล็กน้อย

การเดินทางหลายร้อยล้านปีสู่โลก


นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอุกกาบาตนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของแถบดาวเคราะห์น้อยหลักที่อยู่ระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี นักวิทยาศาสตร์สก็อตต์ แฮร์ริส สันนิษฐานว่า มันอาจแตกออกมาจากดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่ามากจากเหตุการณ์การแตกตัวครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 470 ล้านปีก่อน 

โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้ชิ้นส่วนนี้เปลี่ยนวงโคจรมาอยู่ในเส้นทางที่ตัดกับวงโคจรของโลก และท้ายที่สุดก็ได้สิ้นสุดการเดินทางภายในบ้านหลังหนึ่งในเฮนรีเคาน์ตี

อนาคตของอุกกาบาตและแผนการจัดแสดง


ในอนาคตอันใกล้ นักวิทยาศาสตร์สก็อตต์ แฮร์ริส สันนิษฐาน ตั้งเป้าที่จะตีพิมพ์ผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบของอุกกาบาตและการเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกภายในสิ้นปีนี้ 

นอกจากนี้ ชิ้นส่วนของอุกกาบาตแมคโดนัฟจะถูกนำไปจัดแสดงเพื่อให้สาธารณชนได้เข้าชมที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เทลลัส (Tellus Science Museum) ในเมืองคาร์เตอร์สวิลล์ รัฐจอร์เจียต่อไป