
สรุปข่าว
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ เปิดเผยว่า การประชุมธนาคารกลางสำคัญของโลกในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนใหญ่ยังคงดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) คาดว่า จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% (หรือ 50 bps) ต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 1.00 - 1.50% และที่สำคัญ FED จะเริ่มลดขนาดงบดุล (QT) ที่อัตราเดือนละ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป หลังจากนั้น 3 เดือนหรือในเดือนกันยายนจะเพิ่มอัตราการลดขนาดงบดุลเป็นเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) คาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.25% (25 bps) สู่ระดับ 1.25% และธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) คาดจะประกาศจุดสิ้นสุดของการทำมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) เพื่อปูทางไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ย (Deposit Facility Rate) ครั้งแรก 0.25% (25 bps) ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ขณะที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางไทย (BOT) คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ -0.10% และ 0.50% ตามลำดับ
ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Yield) กลับเข้าสู่แดนบวกแล้วในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และการเริ่มดึงสภาพคล่องออกจากระบบของ FED ในเดือนมิถุนายนนี้ เป็นต้นไป รวมถึงนโยบายการเงินของสหภาพยุโรปที่กำลังปรับไปในทางที่เข้มงวดขึ้นในระยะข้างหน้า น่าจะทำให้เกิดความผันผวนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายและราคาสินทรัพย์เสี่ยงอยู่พอสมควร
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500 Index) แกว่งตัวในทิศทางขาลงจนใกล้เข้าสู่ภาวะหมีแล้ว หลังปรับตัวลงใกล้ระดับ -20% จากที่เคยขึ้นสูงสุดในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่สำหรับดัชนี NASDAQ ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะหมีไปแล้วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ภายใต้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นนาน การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่ยังคงดำเนินต่อไป และความตึงเครียดทางเมืองเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risks) บล.ทิสโก้เป็นห่วงว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเข้าสู่ภาวะหมีแบบเต็มตัวในที่สุด
สำหรับการลงทุนต้องระมัดระวังในช่วง 1 - 2 เดือนข้างหน้า จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐฯ ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและการเริ่มดึงสภาพคล่อง ขณะที่ Real Yield ที่กลับมาเป็นบวก น่าจะทำให้เกิดความผันผวนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายและราคาสินทรัพย์เสี่ยงอยู่พอสมควร
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงนี้ บล.ทิสโก้แนะนำให้ลงทุนหุ้น Re-opening’ หุ้นเด่นคือ BDMS, BEM, MAJOR และธีมต่อมาคือหุ้น ‘Value & Dividend’ แนะนำ AP, EGCO
นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดีมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือ JMT (คาดเข้า SET50) ดังนั้น หุ้นเด่นในเดือนมิถุนายนที่แนะนำ คือ AP, BDMS, BEM, EGCO, JMT และ MAJOR ด้านแนวรับสำคัญของหุ้นไทยเดือนนี้อยู่ที่ 1,620 - 1,625 จุด และแนวรับต่อไปที่ 1,600 - 1,610 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,670 จุด และ 1,680 - 1,685 จุด ตามลำดับ
ที่มา บล. ทิสโก้
ภาพประกอบ บล. ทิสโก้
- “หุ้นไทย” หมดแรง GDP-EPS โดนหั่นเรียบ “ภาษีสหรัฐฯ” ตัดสิน ไปต่อหรือรอ “1,000 จุด”
- “หุ้นไทย” หมดแรง “ภาษีสหรัฐฯ” ตัดสินไปต่อหรือรอ “1,000 จุด” l What's up Wealth
- หุ้นไทยไร้เสน่ห์ เพราะอะไร "หลบภัยตัวไหนดี"
- หุ้นไทยวันนี้ 30 พฤษภาคม 2568 ปิดลบ 14.83 จุด รับแรงกดดัน MSCI Rebalance
- หุ้นไทยวันนี้ 29 พฤษภาคม 2568 ปิดบวก 3.27 จุด รับศาลสั่งระงับมาตรการภาษี "ทรัมป์"
- แนะกลยุทธ์หุ้นไทย: SET รีบาวด์สั้นจับตา 1180 - หุ้นเด่น 'ITC, TU' น่าเก็บช่วงนี้
- หุ้นดาวโจนส์วันนี้ 29 พฤษภาคม 2568 ปิดลบ 244.95 จุด นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการ Nvidia
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand