
ทริสเรทติ้ง คงคาดการณ์การเติบโตของ GDP ไทยในปี 2568 ที่ระดับ 1.8% โดยได้รวมผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไว้ในการวิเคราะห์ด้วย โดยในปี 2568 การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ รัฐบาลควรเร่งเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับโครงการลงทุนที่อนุมัติไปแล้วเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง
ทริสเรทติ้งได้ปรับลดการณ์การณ์การเติบโตของทั้งการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภาคเอกชน เนื่องจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นอกจากนี้ การส่งออกและนำเข้าสินค้าโดยรวมในปี 25668 มีแนวโน้มเติบโตชละอลงจากปี
ที่ผ่านมา โดยการนำเข้าสินค้าที่ยังขยายตัวได้มาจากการนำเข้าสินค้าจีนที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยในปี 2568 การส่งออกไปยังสหรัฐฯ คาดว่าจะลดลง 10.5% ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ และจีนจะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระต่ำ (low single-digit) ดังนั้น การส่งออกสินค้ารวมคาดว่าจะขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ 0.15%
สรุปข่าว
ทริสเรทติ้ง คงคาดการณ์การเติบโตของ GDP ไทยในปี 2568 ที่ระดับ 1.8% โดยได้รวมผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไว้ในการวิเคราะห์ด้วย โดยในปี 2568 การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ รัฐบาลควรเร่งเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับโครงการลงทุนที่อนุมัติไปแล้วเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง
ทริสเรทติ้งได้ปรับลดการณ์การณ์การเติบโตของทั้งการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภาคเอกชน เนื่องจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นอกจากนี้ การส่งออกและนำเข้าสินค้าโดยรวมในปี 25668 มีแนวโน้มเติบโตชละอลงจากปี
ที่ผ่านมา โดยการนำเข้าสินค้าที่ยังขยายตัวได้มาจากการนำเข้าสินค้าจีนที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยในปี 2568 การส่งออกไปยังสหรัฐฯ คาดว่าจะลดลง 10.5% ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ และจีนจะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระต่ำ (low single-digit) ดังนั้น การส่งออกสินค้ารวมคาดว่าจะขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ 0.15%
ในระยะข้างหน้า ความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายทางการค้าของตหรัฐฯ มีแมวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับสูง ในชนะที่ประเทศต่าง ๆ เข้าสู่กระบวนการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ แต่ผลลัพธ์นั้นยากที่จะคาดเดา ความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจส่งผลให้การลงทุนกาคเอกชนเกิดความล่าช้าเพิ่มเติมและส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน
ทั้งนี้ หากงบประมาณรัฐบาลปี 2569 มีความล่าช้าก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในเชิงลบเพิ่มเติมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสสุดท้าย
ขณะเดียวกันแรงกดดันด้านเงินเพื่อที่อาจเขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ก็อาจทำให้การปรับลดลดอัตราตอกเบี้ยนโนบายในสหรัฐฯ ล่าช้าออกไป ซึ่งจะส่งจะส่งผลให้สภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และนอกเหนือจากการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ แล้ว ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก ต้นทุนพลังงานเพิ่มสูงขึ้น และภาวะเศรษฐโลกชะลอตัว