ประวัติ เลียม ดีแลป ว่าที่กองหน้าคนใหม่ของเชลซี

ประวัติ เลียม ดีแลป ว่าที่กองหน้าคนใหม่ของเชลซี

ทุกท่านคงจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" เป็นการเปรียบเปรยทักษะความสามารถของลูกที่ดำเนินรอยตามคล้ายกับคนเป็นพ่อ-แม่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมากมายในวงการฟุตบอล ที่เรามักจะได้เห็นอดีตนักเตะดาวดังหลายคนนั่งดูลูกตัวเองลงแข่งขันอยู่บนอัฒจันทร์


ตระกูลมัลดินี่, ตระกูลซิเมโอเน่, ตระกูลฮาแลนด์, ตระกูลไคลเวิร์ต และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน ต่างก็เป็นครอบครัวที่สืบทอดสายเลือดลูกหนัง เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ กับตระกูลดีแลป ที่กำลังตกเป็นข่าวพาดหัวกับการย้ายไปร่วมทีมเชลซี


จาก รอรี่ ดีแลป ถึง เลียม ดีแลป


หากเอ่ยถึง ดีแลป เชื่อว่าแฟนบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป คงจะมีภาพจำกับการทุ่มไกลที่เป็นลูกทีเด็ดของสโมสรสโต๊ค ซิตี้ อดีตทีมที่เคยโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของอังกฤษ 


การแข่งขันพรีเมียร์ลีกในช่วงปี 2007 -2011 เกิดปรากฏการณ์แฟนฟุตบอลต่างเฝ้ารอดูนักเตะคนหนึ่งในตำแหน่งปีกขวาของสโมสรสโต๊ค ซิตี้ แต่แทนที่จะเป็นลีลาการกระชากลากเลื้อย หรือทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ แต่กลายเป็นว่าทุกสายตาเฝ้ารอชมการทุ่มไกลของเขา 


รอรี่ ดีแลป มีอาวุธเด็ดประจำตัวคือลูกทุ่มไกล ที่ โทนี่ พูลิส กุนซือของ สโต๊ค ซิตี้ ใช้เป็นไม้ตาย แม้ฝีเท้าในสนามอาจจะไม่โดดเด่นอะไรมาก จัดอยู่ในระดับปานกลาง แต่ยามที่ทีมได้ลูกทุ่มไกลแถว ๆ เขตโทษคู่แข่ง เขามักจะสร้างความแตกต่างได้เสมอ ลูกทุ่มของเขาแม่นยำยิ่งกว่าลูกตั้งเตะ มันได้ผลดีมาก ๆ สโต๊คฯ ใช้ลูกไม้นี้หากินอยู่นานหลายปีกว่าจะหมดยุค 


เขาใช้ทักษะที่เคยเป็นนักกีฬาพุ่งแหลนระดับท้องถิ่น บวกกับการฝึกฝนอย่างหนักตามคำสั่งของคุณพ่อ ตั้งแต่อายุแค่ 8 ขวบ รอรี่ ต้องซ้อมทุ่มไกลวันละหลาย ๆ ครั้ง เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินในวงการลูกหนัง


วันเวลาผ่านไป รอรี่ ดีแลป เข้าสู่โหมดการเป็นพ่อคน แน่นอนว่าเขาส่งต่อดีเอ็นเอนักฟุตบอลไปสู่ลูกของเขา 

สรุปข่าว

เลียม ดีแลป คือลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้นจาก รอรี่ ดีแลป อดีตนักเตะชื่อดังของสโต๊ค ซิตี้ ผู้เป็นเจ้าของลูกทุ่มไกลระดับตำนานในยุคพรีเมียร์ลีกช่วงปี 2007-2011 โดยลูกชายของเขา ได้รับการปลูกฝังฟุตบอลตั้งแต่วัยเยาว์ และมีเส้นทางอาชีพที่กำลังน่าจับตามองอย่างยิ่งในขณะนี้ เลียม เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2003 และเริ่มต้นในเส้นทางลูกหนังกับอะคาเดมีของดาร์บี้ เคาน์ตี้ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงวัยรุ่น ด้วยความโดดเด่นด้านรูปร่าง ความเร็ว และสัญชาตญาณการทำประตู ทำให้เขาได้รับการคาดหวังอย่างสูงในฐานะดาวรุ่งอนาคตไกลของ “เรือใบสีฟ้า” แม้จะยิงประตูได้ในเกมเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ของซิตี้ในศึกคาราบาว คัพ เมื่อปี 2020 ขณะอายุเพียง 17 ปี แต่โอกาสลงสนามต่อเนื่องในทีมชุดใหญ่ของเขากลับมีจำกัด เนื่องจากการแข่งขันที่สูงในทีมระดับท็อป ทำให้เขาต้องออกไปเก็บประสบการณ์กับหลายสโมสรในลีกแชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2024-25 เลียมย้ายไปอยู่กับอิปสวิช ทาวน์ ทีมน้องใหม่ในพรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัวรวมโบนัส 20 ล้านปอนด์ และโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ ยิงไป 12 ประตูจาก 37 นัด แม้ไม่สามารถช่วยให้ทีมรอดตกชั้น แต่ฟอร์มส่วนตัวของเขาก็เรียกความสนใจจากหลายทีมยักษ์ใหญ่ ล่าสุด เลียม ดีแลป เตรียมกลายเป็นนักเตะใหม่ของเชลซี โดยมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 30 ล้านปอนด์ และได้รับการยืนยันโดยนักข่าวจอมแม่นอย่าง ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ว่า “Here we go!” การย้ายครั้งนี้นับเป็นโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา เพราะตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าในทีมยังเปิดกว้าง และเชลซีก็พร้อมสนับสนุนการเติบโตของดาวรุ่งอย่างจริงจัง เลียม ดีแลป คือหนึ่งในผลผลิตคุณภาพจากอะคาเดมีแมนฯ ซิตี้ ที่กำลังจะมีโอกาสเฉิดฉายในพรีเมียร์ลีก และการย้ายมาสู่ถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในเส้นทางลูกหนังของเขา

ทุกท่านคงจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" เป็นการเปรียบเปรยทักษะความสามารถของลูกที่ดำเนินรอยตามคล้ายกับคนเป็นพ่อ-แม่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมากมายในวงการฟุตบอล ที่เรามักจะได้เห็นอดีตนักเตะดาวดังหลายคนนั่งดูลูกตัวเองลงแข่งขันอยู่บนอัฒจันทร์


ตระกูลมัลดินี่, ตระกูลซิเมโอเน่, ตระกูลฮาแลนด์, ตระกูลไคลเวิร์ต และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน ต่างก็เป็นครอบครัวที่สืบทอดสายเลือดลูกหนัง เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ กับตระกูลดีแลป ที่กำลังตกเป็นข่าวพาดหัวกับการย้ายไปร่วมทีมเชลซี


จาก รอรี่ ดีแลป ถึง เลียม ดีแลป


หากเอ่ยถึง ดีแลป เชื่อว่าแฟนบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป คงจะมีภาพจำกับการทุ่มไกลที่เป็นลูกทีเด็ดของสโมสรสโต๊ค ซิตี้ อดีตทีมที่เคยโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของอังกฤษ 


การแข่งขันพรีเมียร์ลีกในช่วงปี 2007 -2011 เกิดปรากฏการณ์แฟนฟุตบอลต่างเฝ้ารอดูนักเตะคนหนึ่งในตำแหน่งปีกขวาของสโมสรสโต๊ค ซิตี้ แต่แทนที่จะเป็นลีลาการกระชากลากเลื้อย หรือทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ แต่กลายเป็นว่าทุกสายตาเฝ้ารอชมการทุ่มไกลของเขา 


รอรี่ ดีแลป มีอาวุธเด็ดประจำตัวคือลูกทุ่มไกล ที่ โทนี่ พูลิส กุนซือของ สโต๊ค ซิตี้ ใช้เป็นไม้ตาย แม้ฝีเท้าในสนามอาจจะไม่โดดเด่นอะไรมาก จัดอยู่ในระดับปานกลาง แต่ยามที่ทีมได้ลูกทุ่มไกลแถว ๆ เขตโทษคู่แข่ง เขามักจะสร้างความแตกต่างได้เสมอ ลูกทุ่มของเขาแม่นยำยิ่งกว่าลูกตั้งเตะ มันได้ผลดีมาก ๆ สโต๊คฯ ใช้ลูกไม้นี้หากินอยู่นานหลายปีกว่าจะหมดยุค 


เขาใช้ทักษะที่เคยเป็นนักกีฬาพุ่งแหลนระดับท้องถิ่น บวกกับการฝึกฝนอย่างหนักตามคำสั่งของคุณพ่อ ตั้งแต่อายุแค่ 8 ขวบ รอรี่ ต้องซ้อมทุ่มไกลวันละหลาย ๆ ครั้ง เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินในวงการลูกหนัง


วันเวลาผ่านไป รอรี่ ดีแลป เข้าสู่โหมดการเป็นพ่อคน แน่นอนว่าเขาส่งต่อดีเอ็นเอนักฟุตบอลไปสู่ลูกของเขา 

ประวัติ เลียม ดีแลป


8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 เป็นวันที่ เลียม รอรี่ ดีแลป ลูกชายของเขาลืมตาดูโลก การเติบโตโดยมีคุณพ่อเป็นนักเตะอาชีพ ย่อมถูกปลูกฝังให้เล่นฟุตบอลตั้งแต่เล็ก เขาได้โอกาสเข้าสู่ระบบอะคาเดมีของสโมสรดาร์บี้ เคาน์ตี้ ตั้งแต่อายุแค่ 6 ขวบ 


ดีแลป ใช้เวลาฝึกฝนตัวเอง จนกระทั่งเขาเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ฝีเท้าของเขาพัฒนาและโดดเด่นมากขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับหน่วยก้านที่สูงยาวเข่าดี ทำให้ไปเข้าตาแมวมองของ สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าทาบทาบคว้าตัวไปร่วมทีม 


จุดเด่นของ เลียม ดีแลป นอกจากรูปร่างที่สูงใหญ่แล้ว เขายังมีความเร็ว ทักษะดี และมีจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบคม ถือเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งอนาคตไกล แต่ปัญหาคือการอยู่กับทีมที่เต็มไปด้วยดาวยิงระดับซูเปอร์สตาร์ ทำให้โอกาสที่เด็กจากอคาเดมี่จะสอดแทรกขึ้นไป นับเป็นเรื่องยากมาก ๆ ลำพังรุ่นพี่ในทีมชุดใหญ่ก็เบียดแย่งตำแหน่งกันเองอย่างดุเดือดแล้ว 


ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เรามักจะได้เห็น แมนฯ ซิตี้ เสียนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีออกจากทีมไปหลายต่อหลายราย ไม่ว่าจะเป็น จาดอน ซานโช่ ที่ไปแจ้งเกิดกับดอร์ทมุนด์ (หลังจากนั้นไม่นับ)


หรือในรายของ โคล พาลเมอร์ ที่ย้ายไปเป็นขวัญใจของแฟนบอลเชลซี, มอร์แกน โรเจอร์ส ที่โดดเด่นสุด ๆ ในสีเสื้อแอสตัน วิลล่า และอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่มีโอกาสแจ้งเกิดกับทีมที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมา 


เลียม ดีแลป ลงสนามนัดแรกในสีเสื้อแมนเชสเตอร์ ซิตี้


แน่นอนว่า เลียม ดีแลป ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่แทบจะไม่ได้โอกาสเติบโตขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เลย โอกาสที่ดีที่สุดคือลงไปสัมผัสเกมบอลถ้วยคาราบาว คัพ เขาได้ลงเล่นนัดแรก เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2020 ในวัย 17 ปี 


แม้จะยิงประตูแรกได้ทันทีในเกมเดบิวต์ และดูเหมือนจะได้โอกาสกับทีมมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถูกส่งลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกก็จริง แต่เป็นตัวเลขที่หยุดอยู่แค่ 2 นัด หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้โอกาสลงเล่นอีกเลย กลายเป็นว่าต้องออกไปเก็บเลเวลกับทีมอื่น ๆ ในฐานะสัญญายืมตัวกับทีมระดับเดอะแชมเปียนชิพ


ในวัย 21 ปี เลียม ดีแลป รู้ดีว่าโอกาสที่เขาจะก้าวไปเป็นกำลังหลักของทัพ "เรือใบสีฟ้า" แทบเป็นไปไม่ได้เลย และหากยังฝืนอยู่กับทีมต่อไปโอกาสที่จะลงสนามต่อเนื่องเพื่อพัฒนาฝีเท้าก็ลดลง เขาจึงเลือกที่จะออกไปไล่ตามความฝันกับต้นสังกัดใหม่

เลียม ดีแลป ย้ายไปร่วมทีมอิปสวิช ทาวน์


เข้าสู่ฤดูกาล 2024-25 สโมสรอิปสวิช ทาวน์ ทีมน้องใหม่ของศึกพรีเมียร์ลีก ตัดสินใจคว้า เลียม ดีแลป ไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ บวกโบนัสอีก 5 ล้านปอนด์ พร้อมกับมอบสัญญายาว 5 ปีเต็ม


แน่นอนว่าลึก ๆ แล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่อยากเสียดาวรุ่งฝีเท้าดีรายนี้ออกไป แต่ก็จำเป็นต้องทำใจยอมรับ และทำได้เพียงแค่ใส่ออปชั่นในการปล่อยตัวเอาไว้ เพื่อให้ทีมได้ประโยชน์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นออปชั่นซื้อตัวกลับมา รวมถึงส่วนแบ่งค่าตัวหากในอนาคตข้างหน้านักเตะถูกขายตต่อไปให้กับทีมอื่น


อย่างในรายของ เลียม ดีแลป ก็มีเงื่อนไขดังกล่าวระบุในสัญญาที่ขายให้กับ อิปสวิช ทาวน์ ซึ่งหากมีการซื้อ-ขาย เกิดขึ้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะได้ส่วนแบ่งจากค่าตัว 20 เปอร์เซ็นต์


การได้โอกาสลงเล่นในเวทีลีกสูงสุดเต็มตัวในฤดูกาลแรกของเขา ถือว่าทำได้อย่างน่าประทับใจ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่สามารถช่วยให้ต้นสังกัดอยู่รอดปลอดภัยบนเวทีลีกสูงสุดได้ แต่ผลงานส่วนตัวถือว่าโดดเด่น กับการยิงไป 12 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ จากการลงสนามไป 37 นัด 


นี่ขนาดองค์ประกอบรอบข้างของเขาไม่ได้มีนักเตะบิ๊กเนม แต่สถิติส่วนตัวก็ยังทำได้อย่างน่าชื่นชม ไม่แปลกใจที่บรรดาทีมยักษ์ใหญ่จะให้ความสนใจคว้าตัวไปร่วมทีม ตกเป็นข่าวกับทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล รวมถึง เชลซี


เลียม ดีแลป กำลังจะเป็นนักเตะใหม่ของเชลซี


ล่าสุดสโมสรเต็งจ๋าที่จะได้ตัวไปร่วมทีมคือ เชลซี โดยนักเตะมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 30 ล้านปอนด์ และคงไม่มีอะไรผิดพลาด เพราะระดับ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวชื่อดังประกาศ HERE WE GO! เป็นที่เรียบร้อย เหลือแค่รอเปิดตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้น


น่าสนใจอย่างยิ่งว่าการย้ายไปอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เชลซี ที่เต็มไปด้วยนักเตะชั้นนำ พร้อมเปิดป้อนโอกาสในการจบสกอร์ให้เขามากกว่าเดิม แถมยังได้ลมพัดหวนกลับไปร่วมทีมกับ โคล พาลเมอร์ รุ่นพี่ที่เติบโตจากอคาเดมีของ ซิตี้ มาด้วยกัน 


แม้จะเป็นการย้ายทีมที่ท้าทายความสามารถ แต่โอกาสสอดแทรกในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าถือว่าเปิดกว้าง เพราะตอนนี้ เชลซี มีแค่ นิโคลัส แจ็คสัน ที่ยึดสัมปทาน แถมขึ้นชื่อว่าเป็นกองหน้าที่ใช้โอกาสเปลือง 


เพราะฉะนั้นการย้ายไปของ เลียม ดีแลป จะเป็นประโยชน์กับ เชลซี อย่างไม่ต้องสงสัยทั้งทางตรงและทางอ้อม สิ่งแรกคือจะช่วยกระตุ้นฟอร์มของ แจ็คสัน ว่าต้องยกระดับตัวเองให้ดีไปอีกขั้น ส่วนประโยชน์ที่สอง คือทีมจะได้ตัวเลือกความหลากหลายมากขึ้น เพราะสไตล์การเล่นของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกัน


เป็นอีกหนึ่งดีลการย้ายตัวที่ทุกสายตาของคนวงการฟุตบอลอังกฤษต่างจับจ้อง เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กผลผลิตจากอคาเดมี ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงระยะหลังมานี้ ล้วนแต่เป็นของดีมีคุณภาพ ที่พร้อมรอวันเฉิดฉายในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า เลียม ดีแลป จะไปได้สวยกับการย้ายทีมครั้งนี้

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ย้อนประวัติเส้นทางลูกหนัง มาเธอุส คุนญ่า ดาวยิงเนื้อหอมของ วูล์ฟแฮมป์ตัน


ประวัติ รายาน แชร์กี้ เด็กปั้น ลียง ที่กำลังเนื้อหอม


ประวัติ โธมัส มุลเลอร์ ตำนานที่ถึงวันอำลา...25 ปี ในสีเสื้อบาเยิร์น มิวนิค

ที่มาข้อมูล : mancity,mainstand,wikipedia

ที่มารูปภาพ : AFP